คสช.หนุน พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว สั่งทุกหน่วยศึกษารายละเอียด ใช้เป็นแนวทางประสานงานร่วมส่วนราชการ เพื่อเน้นสร้างมาตรฐานดูแลแรงงานให้เป็นระบบ
เมื่อวันที่ 3 ก.ค.60 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า การประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติในวันนี้ (3 ก.ค.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการ คสช.ได้กล่าวในการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช. ถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ว่า กฎหมายดังกล่าวถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ภาครัฐต้องปรับปรุง เพื่อบริหารจัดการและจัดระบบแรงงานต่างด้าวให้เป็นมาตรฐานสอดคล้องกับกฎกติการะหว่างประเทศ จึงขอให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ไปศึกษาในรายละเอียด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการประสานงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่ชายแดน พร้อมช่วยชี้แจงประชาชนได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก.ดังกล่าวที่จะช่วยให้การควบคุมแรงงานต่างด้าวเป็นมาตรฐาน ทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ และขอให้ช่วยกันกำกับดูแลอย่าให้มีการสร้างความเข้าใจผิดหรือหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า เลขาธิการ คสช.ได้กล่าวถึงการสกัดกั้นยาเสพติดที่เป็นภารกิจเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นผลให้สถิติการจับกุมในรายสัปดาห์ทั้งพื้นที่ชายแดน พื้นที่รอบนอกและพื้นที่ในเมืองยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งทุกหน่วยจะต้องดำรงความเข้มข้นต่อไป สำหรับการสกัดกั้นยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ให้ทุกกองทัพภาคใช้กลไกความร่วมมือของคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นและส่วนภูมิภาค ในการประสานงานกับเพื่อนบ้านผลักดันให้เกิดความร่วมมือในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 3 ให้ประสานความร่วมมือผ่านกลไกดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษด้วย
...
นอกจากนี้ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า เลขาธิการ คสช.ยังได้กล่าวถึงนโยบายการจัดระเบียบสังคมที่ กกล.รส.ได้ปฏิบัติงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยให้ไปพิจารณาส่งมอบความรับผิดชอบหรือปรับเปลี่ยนพื้นที่การปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน และให้หน่วยงานหลักที่มีหน้าที่โดยตรงเข้ากำกับดูแลและดำเนินงานไปตามกระบวนการปกติ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจะยังคงดูแลในภาพรวมของความสงบเรียบร้อยและเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาหรือจัดระเบียบในบางพื้นที่ที่จะต้องใช้การบูรณาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดระเบียบสังคมเกิดความยั่งยืนและประชาชนได้รับ ทั้งนี้การดูแลโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง อย่างไรก็ตามในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนนั้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจะยังคงดูแลและช่วยเหลือเช่นเดิม ซึ่งเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำชับให้การดำรงความต่อเนื่องในการเป็นที่พึ่งของประชาชน ดูแลความสงบเรียบร้อย ภายใต้การใช้อำนาจหน้าที่อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรักความสามัคคี โดยเฉพาะในเทศกาลวันเข้าพรรษานี้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจะเป็นศูนย์กลางในการรวมพลังทุกภาคส่วนและประชาชนร่วมกันจัดกิจกรรมทำความสะอาด บูรณะศาสนสถาน เพื่อคงไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามและเติมเต็มความรักความสามัคคีให้กับสังคมไทย.