“ลาภลอย” แปลว่า ลาภ ที่ลอยมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องลงทุนไม่ต้องออกแรง
อยู่ดีๆก็มีลาภก้อนใหญ่ หล่นใส่ดังโครม
“ลาภลอย” เป็นลาภเฉพาะตัวใครได้ลาภลอยย่อมถือว่าโชคดี
แต่อีกไม่นานเกินรอ ใครโชคดีได้ “ลาภลอย” จะต้องโดนเก็บ “ภาษีลาภลอย” อีก 5 เปอร์เซ็นต์
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีลาภลอย ซึ่งกระทรวงการคลัง และ สนช.ลากตั้ง ร่วมกันผลักดันสุดลิ่มทิ่มประตู กำลังรอสัญญาณไฟเขียวจากรัฐบาล
โดยมีหลักการและเหตุผลคือ รัฐบาลได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ทำให้มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของประชาชนมีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
มูลค่าทรัพย์สินของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นจึงถือเป็น “ลาภลอย”
เช่น...รัฐบาลลงทุนสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทำให้บ้าน ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างของประชาชนตามแนวรถไฟฟ้ามีราคาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมขายต่อให้บุคคลอื่นจึงต้องจ่ายภาษีลาภลอยอีก 5 เปอร์เซ็นต์
เช่น ที่ดินแปลงนี้เดิมราคา 2 หมื่น บาทต่อตารางวา แต่เมื่อมีโครงการสร้างรถไฟฟ้า สร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างมอเตอร์เวย์ สร้างท่าเรือ สร้างสนามบิน หรือสร้างศูนย์ราชการ ฯลฯ
ทำให้ราคาที่ดินสิ่งปลูกสร้างกระเด้งสูงขึ้นเป็น 5 หมื่นบาทต่อตารางวา
ราคาที่ดินสิ่งปลูกสร้างที่งอกขึ้นอีกตารางวาละ 3 หมื่นบาท จึงเข้าง่ามเป็น “ลาภลอย”
ต้องโดนเรียกเก็บภาษีลาภลอย 5 เปอร์เซ็นต์ ของส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น 3 หมื่นบาท คือ 1,500 บาทต่อตารางวา
...
สมมติท่านมีที่ดิน 1 ไร่ หรือ 400 ตารางวา ที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าท่านต้องโดนเฉาะภาษีลาภลอยอีก 6 แสนบาทโดยประมาณ
ไม่รวมภาษีมรดก ภาษีรายได้การ ขายที่ดิน ซึ่งต้องจ่ายอยู่แล้วตามกติกา
อืมม์...ก็ชอบกลเหมือนกันนะท่านพระครู
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าการเก็บภาษีลาภลอยจะสร้างรายได้ให้กระทรวงการคลังเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
แต่ “แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงการคลังจะผลักดัน ก.ม.เก็บภาษีลาภลอย ด้วยเหตุผล 4 ประการ
1, ประชาชนอยู่อาศัยมาก่อนที่โครงการพัฒนาของรัฐจะเข้ามา
ราคาที่ดินสิ่งปลูกสร้างที่สูงขึ้นจึงไม่ควรเพิ่มภาระภาษีให้ประชาชน
2, โครงการลงทุนของรัฐไม่ได้เกิดประโยชน์เฉพาะประชาชน 2 ข้างทาง
แต่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป
3, ภาษีและค่าธรรมเนียมการซื้อ ขายที่ดินสิ่งปลูกสร้างที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเก็บจากราคาประเมินของกรมที่ดิน เมื่อราคาที่ดินสูงขึ้น ราคาประเมินก็ปรับสูงขึ้นตาม
การเก็บภาษีลาภลอยจึงเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อนจากภาระภาษีที่มีอยู่เดิมเพิ่มอีก 5 เปอร์เซ็นต์
4, ภาษีลาภลอยไม่ได้เก็บเฉพาะเจ้าของที่ดินตามแนวโครงการ
ยังแผ่ขยายอาณาเขตไปถึงเจ้าของที่ดินในรัศมี 3 กม. ซึ่งไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐโดยตรง
ขอกระชุ่นกระทรวงการคลังกลับไปคิดให้รอบคอบอีกที
คิดผิดคิดใหม่ได้นะคุณ.
"แม่ลูกจันทร์"