รุมยำผลงาน 3 ปีรัฐบาล คสช.“จาตุรนต์” สับรัฐประหารทำปัญหาเลวร้ายกว่าเดิม ศก.โตน้อยที่สุดในอาเซียน ปฏิรูปไร้แก่นสาร แก้ปัญหาแต่เรื่องจิ๊บจ๊อยไม่มองภาพรวม เอาแต่โยนบาปนักการเมือง “พิชัย” ชี้ข้อครหาทุจริตเพิ่มมากขึ้น ปิดกั้นเสรีภาพ ภาพพจน์ประเทศตกต่ำสุดขีด หัวหน้า คสช.ขาดวิสัยทัศน์ เอาแต่หลอกตัวเองหลอกคนทั้งประเทศ กปปส.สำทับสอบตกปฏิรูปหลายด้าน คนจนระทมหนัก แต่ธนาคารรวยเละ ให้คะแนนรัฐผ่านเฉียดฉิว สปท.ดันปฏิรูป 5 เรื่องช่วยคนรากหญ้า หวังรัฐสานต่องานปฏิรูปสำเร็จแค่ครึ่งก็พอใจ กรธ.ออกโรงโต้วางสเปก กก.สรรหาขั้นเทพ ยัน สตง.ไม่มีอำนาจยับยั้งนโยบายรัฐ ทำได้แค่ท้วงติง “เดียร์” ครวญถูกห้ามรำลึกถึงพ่อ คสช.ชี้เข้าข่ายดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
ใกล้ครบรอบ 3 ปีของการรัฐประหาร รวมทั้งการบริหารงานของรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นคอนดักเตอร์ กำกับควบคุม การประเมินผลงานเชิงวิพากษ์วิจารณ์จากฟากฝั่งนักการเมืองก็ยิ่งมีออกมามากขึ้น ล่าสุดจัดเต็มมาทั้งพรรคเพื่อไทย และ กปปส.
พท.สับรัฐประหารทำแย่กว่าเดิม
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำงานรัฐบาลครบรอบ 3 ปีว่า เมื่อเข้าปีที่ 3 ทำให้เห็นว่าในที่สุดแล้วการรัฐประหารไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาประเทศ และยังทำให้ปัญหาต่างๆเลวร้ายมากกว่าเดิม 3 ปีมานี้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว เติบโตน้อยที่สุดในอาเซียน อาศัยธุรกิจขนาดใหญ่กับการท่องเที่ยว แต่ภาคเกษตรกรรมและธุรกิจรายเล็กรายน้อยต้องล้มลงไป ยิ่งทำให้ช่องว่างของรายได้มากยิ่งขึ้น นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่เชื่อมั่น เนื่องจากประเทศไม่แน่นอน การคืนสู่ประชาธิปไตยไม่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ และ 3 ปีนี้ยังไม่ปรากฏการปฏิรูปที่เป็นแก่นสาร การปฏิรูปเรื่องใหญ่ยังขัดแย้งไม่ลงตัว และยิ่งเกิดปัญหา ไม่ว่าเรื่องพลังงานทรัพยากรธรรมชาติ แม่น้ำ 5 สาย กำลังสนุกเพลินกับสิ่งที่คิดว่านั่นคือการปฏิรูป แต่จริงๆแล้วกำลังสะสมปัญหา แตกแยกทางความคิดมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดแผนปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ขาดการมีส่วนร่วม
...
แก้ปัญหาผิดทิศโยนผิดฝ่ายการเมือง
นายจาตุรนต์กล่าวว่า คสช. และรัฐบาล ได้แสดงให้เห็นว่าไม่ถนัดเรื่องการมองภาพรวมหรือการปฏิรูปอย่างเป็นระบบ มักสนใจแต่เรื่องปลีกย่อย ทำงานเป็นชิ้นๆ เช่น จะแก้ปัญหารถกระบะ แต่ไม่มองภาพรวมอุบัติเหตุทั้งระบบ ข้ออ้างรัฐประหารสร้างความปรองดอง แต่กระบวนการขาดการมีส่วนร่วมของผู้เชี่ยวชาญ ขาดความเป็นกลาง ไม่มีอิสระ มีข้อสรุปตัวเองก่อน โดยโยนความผิดให้ฝ่ายการเมืองเพียงฝ่ายเดียว รวมถึงการคอร์รัปชันอีกข้ออ้างหนึ่งรัฐประหารที่ดูเหมือน คสช.เอาจริง แต่กลับสวนทาง ด้วยการทำลายระบบตรวจสอบอย่างสิ้นเชิง อย่างการซื้อเรือดำน้ำ เป็นโครงการที่ไม่สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจ ไม่โปร่งใส บอกประกวดราคา แต่ต่อมาทำแบบรัฐต่อรัฐ รวบรัดทำสัญญา คนเรียกร้องตรวจสอบถูกคุกคาม ก้าวก่ายองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ถือว่าอันตราย ดังนั้น โดยรวม 3 ปีรัฐบาลล้มเหลวเรื่องต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น อาจเป็นเพราะผู้มีอำนาจอาจคิดว่าใกล้จะหมดอำนาจ จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องทิ้งทวน
“พิชัย” ฉะผลงาน 3 ปีล้มเหลวทุกด้าน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะครบ 3 ปีการปฏิวัติแล้ว แต่ผลงานของ คสช. กลับไม่มีสิ่งที่จับต้องได้เลย มีเพียงแต่คำพูดหรูๆเท่านั้น ความสงบเรียบร้อยที่อ้างถึงนั้น ก่อนปฏิวัติทหารมีส่วนทำให้เกิดความไม่สงบร่วมกับ กปปส.ด้วยหรือไม่ เชื่อว่าถึงตอนนี้สังคมคงมีคำตอบชัดเจนแล้ว ข้ออ้างที่เข้ามาแก้ปัญหาการทุจริตกลับมีข้อครหาการทุจริตเพิ่มขึ้นอีก ทั้งยังมีปัญหาการปิดกั้นเสรีภาพและการแสดงออกของประชาชน แม้กระทั่งความพยายามที่จะควบคุมสื่อและการรับรู้ของประชาชน ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ เยาวชนหัวก้าวหน้าถูกตำหนิและห้ามพูด บางคนถูกจับ ภาพพจน์ของประเทศในสายตาประชาคมโลกตกต่ำสุดขีด โดยเฉพาะความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ประชาชนสัมผัสได้มากที่สุด และอยู่ในอันดับแย่สุดในการสำรวจทุกครั้ง ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างหนัก รัฐบาลยังพยายามจะขึ้นภาษีสารพัด ทั้งนี้ เพราะหัวหน้า คสช. และหัวหน้ารัฐบาลไม่เข้าใจเศรษฐกิจ ขาดวิสัยทัศน์ ได้แต่จำเขามาพูด ไม่รู้เลยว่าจะเป็นทั้งไทยแลนด์เฟิร์สและไทยแลนด์ 4.0 พร้อมกันไม่ได้ ประชาชนลำบากกันถ้วนหน้า แต่นายกฯท่องอย่างเดียวว่าเศรษฐกิจดี หากรัฐบาลยังพยายามจะหลอกคนทั้งประเทศรวมถึงหลอกตัวเองด้วย ประเทศไทยจะยิ่งล้าหลัง อยากให้รัฐบาลเร่งเปลี่ยนแปลงและคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็ว ก่อนที่ประชาชนจะหมดความอดทนต่อภาวะเช่นนี้
สอบตกแก้ปากท้อง ดีแต่แจกเงิน
นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาถือว่าสอบตก ราคาพืชผล ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ตกต่ำ เกษตรกรไม่มีเงินมาใช้จ่าย ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมซบเซาไปด้วย รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก เพราะถ้าพืชผลราคาดี เกษตรกรก็จะมีเงินใช้จ่ายทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในระยะยาว เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ดีกว่าออกมาตรการเพื่ออัดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ยั่งยืน ประชาชนใช้เงินเหล่านั้นหมดไปก็กลับสู่ภาวะเดิม และแทนที่จะให้ประชาชนเข้าไปสมัครเข้าร่วมโครงการต่างๆ ควรเปลี่ยนวิธีการให้ประชาคมในแต่ละหมู่บ้านคัดกรองคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการต่างๆกันเอง โดยให้หน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมประชุมด้วยจะเหมาะสมกว่า เพราะประชาชนจะรู้ข้อเท็จจริงว่าใครเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน การให้ประชาชนไปสมัครเข้าร่วมโครงการเองทำให้แห่แหนกัน บางคนที่ลำบากไม่มากแต่ได้รับการช่วยเหลือ ส่วนผู้ที่ลำบากจริงๆ กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ
กปปส.ชี้สอบตกปฏิรูปแผ่นดิน-ตร.
ด้านนายถาวร เสนเนียม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวถึงผลงานรัฐบาล คสช.ครบรอบ 3 ปีว่า ผลงานปฏิรูป 6 ด้านที่ประชาชนเรียกร้องคือ 1.การปฏิรูปบังคับใช้กฎหมาย ตนให้ผ่านและประสบผลสำเร็จให้ 70% รัฐบาล คสช.ทำให้เกิดความสงบในสังคม ไร้ความขัดแย้งสีเสื้อต่างๆ 2.การปฏิรูปป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันให้ 50% นายกฯกล้าใช้มาตรา 44 ระงับการโกงหลายครั้ง ข้าราชการเกรงกลัว แต่การทุจริตในไทยเกิดทุกหย่อมหญ้า จึงยังเกิดปัญหานี้ จำเป็นต้องมีกฎหมายให้คดีทุจริตไม่มีอายุความและสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยที่หลบหนีคดีไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องจำหน่ายคดี 3.การปฏิรูประบบบริการราชการแผ่นดิน และการปฏิรูปตำรวจ รัฐบาลสามารถทำได้ทันที แต่ไม่ได้ทำ ถือว่าสอบตก มีข่าวหนาหูเรื่องการรวบอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจและการซื้อขายตำแหน่งมีจำนวนมาก
คนจนยิ่งจนหนัก ธนาคารรวยแหลก
นายถาวรกล่าวว่า 4.การปฏิรูปลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เราอยู่ในระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม มือใครยาวสาวได้สาวเอา คนจนยิ่งจนลง คนรวยยิ่งรวยขึ้น ตัวสร้างปัญหาที่ชัดและมากสุดคือ ธนาคารทั้งของรัฐและเอกชน เพราะไม่มีประเทศไหนในโลกที่ปล่อยให้ดอกเบี้ยเงินกู้ 9% ดอกเบี้ยเงินฝากที่ 1% ห่างกันมากถึง 8% จนเป็นเสือนอนกิน จึงไม่แปลกที่แต่ละธนาคารจะมีผลกำไรปีละ 6 หมื่นล้านบาทขึ้นไป ตนขอเสนอให้ 4.1 ธนาคารเฉพาะกิจ เช่น เอสเอ็มอี ธ.ก.ส. ให้คนจนเข้าถึงกว่านี้ 4.2 ให้ออกกฎหมายดอกเบี้ยระหว่างเงินกู้กับเงินฝากห่างกันไม่เกิน 3% 4.3 เร่งออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อนำรายได้จากคนรวยมาช่วยคนจน แต่รัฐบาลนี้ไม่กล้าแตะคนรวย แค่เริ่มต้นแต่ไม่กล้าทำ ถือว่าสอบตก 5.การปฏิรูปกระจายอำนาจ การรัฐประหารทุกครั้งมีการเพิ่มอำนาจให้ข้าราชการประจำที่เป็นตัวจักรสำคัญ อยากให้นายกฯเชื่อใจประชาชนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่พร้อม รวมถึงเงินงบประมาณที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อย่าให้ส่วนกลางมีอำนาจในการซื้อขายงบฯและจ่ายเงินทอนที่ส่วนกลาง อย่าอ้างว่า อปท.ทุจริต เพราะส่วนกลางก็ทุจริตเหมือนกัน เรื่องนี้ให้สอบตก 6.การปฏิรูปการศึกษา ไทยใช้งบฯมากสุดในอาเซียนแต่ผลประเมินอยู่ในลำดับที่ 8 ของอาเซียน ขอให้รัฐบาลเน้นให้เด็กคิด วิเคราะห์ มีจิตอาสาและคุณธรรม มากกว่าการท่องจำและเรียนพิเศษ
ให้คะแนนรัฐบาล 55% “บิ๊กตู่” 75%
“โดยสรุปผลโพลทุกครั้งจะสอบผ่านเฉพาะตัวนายกฯ ตนให้สอบผ่าน 75% แต่ภาพรวมรัฐบาลให้แค่ 55% ที่มีความตั้งใจดี สำคัญคือนายกฯอย่าเกรงใจคนรอบข้าง เมื่อรู้ว่าใครส่อทุจริตขอให้กล้าฟัน อย่าเลี้ยงไว้ ไม่ว่าพี่หรือน้อง เพราะมีทางเลือกแค่สองทางคือ จะเลือกเป็นรัฐบุรุษ หรือเสียของ ยังมีเวลาอีกปีกว่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐบุรุษได้” นายถาวรกล่าว
ปชป.ค้าน กก.ยุทธศาสตร์ทหารพรึบ
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติให้คงสัดส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามร่างของ ครม.ว่า โดยหลักการไม่เห็นด้วยกับการวางยุทธศาสตร์ไว้ล่วงหน้า 20 ปี สุ่มเสี่ยงต่อความเปลี่ยนแปลงกะทันหันในอนาคต การอ้างว่ารัฐบาลต่อไปแก้ไขได้ไม่ยาก ก็ไม่จริง เพราะมีคณะกรรมการประกอบไปด้วย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมถึงนายกฯ นั่งค้ำขวางอยู่ ถ้าอยากจะแก้ยุทธศาสตร์แต่คณะกรรมการฯไม่ยอม จะทำได้หรือเปล่า ปัญหาคือคณะกรรมการตั้งโดยรัฐบาลทหาร ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่อิสระ ไม่เป็นไปตามหลักการวางยุทธศาสตร์เพื่ออนาคต แต่เพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่
ฉะยับวางต้นทุนต่อท่ออำนาจ
“จากที่ผ่านมากฎหมายส่งเข้า สนช.วาระ 2-3 แบบนี้ส่วนมากก็ผ่าน แต่ไม่อยากให้เงียบไปแบบนี้ วันนี้เขียนตุนต้นทุนตั้งคณะกรรมการต่อท่อเอาไว้ จะทำให้รัฐบาลในอนาคตไม่เป็นอิสระ ส่วนที่อ้างกันว่าคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวจะป้องกันการปฏิวัติได้ในอนาคต ก็ไม่จริง ไร้สาระ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กับ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน อดีตหัวหน้า คมช. เคยบอกจะไม่ยึดอำนาจ แต่สุดท้ายพอสถานการณ์บีบบังคับ ก็ทำ ที่พูดไม่ใช่จะตำหนิ แต่ชี้ให้เห็นว่าอย่ามาอ้าง ในทางกลับกัน พ.ร.บ.นี้จะยิ่งเร่งให้เกิดยึดอำนาจขึ้นไปอีก ถ้าแนวคิดคณะกรรมการไม่ตรงกับรัฐบาลในอนาคต ยิ่งติดกับดัก ไปต่อไม่ได้ จะแก้ไขก็ไม่ได้ จึงย้ำว่าเป็นเพียงต้นทุนของรัฐบาลทหาร ต่อท่ออำนาจ ขอเอี่ยวการ บริหารงานประเทศหลังเลือกตั้งด้วย เพราะไม่อยากวางมือ” นายสาธิตกล่าว
สปท.ดันปฏิรูปพิเศษช่วยรากหญ้า
วันเดียวกัน ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงการเตรียมการผลักดันวาระการปฏิรูปเรื่องพิเศษ 5 เรื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและคนรากหญ้า นอกเหนือจาก 27 วาระการปฏิรูปเร่งด่วน ว่าเป็นผลจากการประชุมกันของคณะกรรมการ ป.ย.ป.เมื่อวันที่ 21 เม.ย.โดยได้เสนอ 5 เรื่องพิเศษเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ย.ป.ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้รับทราบเห็นชอบแล้ว คือ 1.จัดให้มีบ่อน้ำขนมครก ในแต่ละหมู่บ้านให้มีน้ำใช้ทั้งปี รัฐและประชาชนออกค่าใช้จ่ายการขุดบ่อน้ำคนละครึ่ง เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทั้งการบริหารจัดการ การใช้ประโยชน์ 2.มีตลาดแบกะดิน ให้มีในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ แก้ปัญหาชาวบ้านที่หาของป่า มีตลาดสำหรับขายสินค้าอย่างเป็นระบบ 3.การประกันภัยทางการเกษตร ประเทศที่เจริญแล้ว มักให้เงินอุดหนุนกับเกษตรกรทั้งทางตรงและทางอ้อม การประกันภัยทางการเกษตรจะทำให้การช่วยเหลือเกษตรกรของรัฐเป็นระบบมากขึ้น ดีกว่าทำนโยบายลดแลกแจกแถมในลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ 4.ตั้งศาลสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับศาลอาญาคดีทุจริตที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยเหลือคนรากหญ้าหลายหมื่นรายที่ติดร่างแห ตกเป็นจำเลยในคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในแต่ละปี และ 5.เสนอให้แก้กฎหมายร่วมทุนระหว่างรัฐและ เอกชนปี 2550 ที่เคร่งครัดมาก ถึงขนาดใช้เวลา 25 เดือนกว่าจะเซ็นสัญญาในโครงการใหญ่ได้ โดยจะผ่อนคลายให้แก้กฎหมายให้ใช้เวลาเหลือเพียง 9 เดือน
“ทินพันธุ์” หวังสำเร็จแค่ครึ่งก็พอใจ
“การปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องยากมาก สำเร็จแค่ 1 เรื่องก็ประเสริฐแล้ว แต่ผมเป็นนักฝัน และเป็นนักมองโลกด้วยความเป็นจริง เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้คงสานต่องานของ สปท.ที่ได้เสนอไว้ให้เสร็จได้พอสมควร แม้ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ได้แค่ครึ่งเดียวก็ดีแล้ว การที่นายกฯ ตั้ง ป.ย.ป.ขึ้นมาก็เพื่อรองรับสิ่งเหล่านี้ ส่วนใครจะวิจารณ์รัฐบาลหรือ สปท.ไม่มีผลงานปฏิรูปอะไร เคารพคำพูดนั้นทั้งหมด ก้มหน้าก้มตาทำงานจนครบวาระก็เท่านั้น ได้แค่ไหนยอมรับความจริง ผมชอบแบบปิดทองหลังพระ ไม่เปิดตัว เพราะในสังคมไทย ถ้าพูดหรือคุยไว้มาก เดี๋ยวคนจะหมั่นไส้เอา แล้วจะมาขวางให้ทำงานไม่สำเร็จ ผมไม่ใช่ประเภทโฆษณา ชวนเชื่อ ไม่ขอเอาความดีความชอบ พูดด้วยตัวเนื้องานเองดีกว่า ถ้าพูดไปก่อน แต่ทำไม่สำเร็จก็จะถูกตำหนิ อีกว่าโกหก ผมโกหกไม่เป็นด้วย” ร.อ.ทินพันธุ์กล่าว
กรธ.โต้วางสเปก กก.สรรหาขั้นเทพ
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงข้อกล่าวหา กรธ.ออกแบบคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระให้มีสเปกสูงเกินจำเป็นว่า เหตุผลของ กรธ.คือกำหนดให้องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมีหน้าที่และอำนาจเพิ่มขึ้น ต้องทำงานเชิงรุก ฉับไว ให้เกิดประสิทธิภาพ จึงปรับคุณสมบัติของกรรมการองค์กรอิสระให้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นคณะกรรมการสรรหาบุคคลเหล่านี้ จึงต้องมีคุณสมบัติสูงกว่า หรืออย่างน้อยต้องเทียบเท่ากับตัวกรรมการที่จะไปสรรหา ภาพรวมของทั้งหมดจึงออกมาสอดคล้องกัน ส่วนข้อกล่าวหาของกรรมการองค์กรอิสระคนหนึ่งบอกว่า สเปกกรรมการสรรหาแบบนี้ จะหาบุคคลได้ยาก ทำให้ได้แต่ข้าราชการเกษียณนั้น ไม่จริง เพราะอาจเป็นใครก็ได้ที่มีความรู้ ความสามารถตามที่กำหนดไว้ หากได้ข้าราชการเกษียณ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ ตามที่กำหนด จึงไม่ใช่ปัญหาหรือเป็นเรื่องยากอะไร
ข้องใจไม่โวยวายก่อนประชามติ
นายชาติชายกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ผู้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ มองความอย่างรอบด้าน ไม่ตัดตอนข้อมูลบางส่วนมา จนทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด อย่ายึดติดตำแหน่ง แต่ต้องยึดองค์กรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเป็นตัวตั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม ไม่ใช่จะให้ กรธ.ยึดเอาสิทธิประโยชน์ ของ กกต. จากรัฐธรรมนูญเก่าไว้เหมือนเดิม ทั้งที่ กรธ.ปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ กกต.ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความหละหลวมในการเลือกตั้ง และขอถามกลับว่า ทำไมตอนประชามติ คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณสมบัติกรรมการองค์กรอิสระ จึงไม่ออกมาคัดค้าน ในเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านประชามติมาแล้วจะให้ทำอย่างไร
สตง.แค่ท้วงเปล่ายับยั้งนโยบายรัฐ
นายชาติชายยังกล่าวถึงกรณีที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านการเพิ่มอำนาจให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในการยับยั้งนโยบายรัฐบาลว่า กรธ.ไม่ได้ให้ สตง. มีอำนาจคัดค้าน หรือยับยั้งนโยบายของรัฐบาล กรธ.ต้องการปรับเปลี่ยนองค์กรอิสระจากเดิมที่ต่างคนต่างทำ วิธีคิดต่างกัน และทำงานแต่เพียงเชิงรับ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานเชิงรุกร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ไล่ทันต่อคนที่คิดไม่ดีที่มีพัฒนาการไปไกลมาก โดยเฉพาะการออกนโยบาย ที่ภาพรวมไม่มีปัญหาแต่พอลงรายละเอียดแต่ละโครงการแล้วกลับมีข้อบกพร่อง ไม่คุ้มค่า จึงให้ สตง. โดยความเห็นของ คตง. มีอำนาจปรึกษาร่วมกับ ป.ป.ช. และ กกต. หากเห็นพ้องกันก็จะส่งคำแนะนำตักเตือนไปยังรัฐสภาและ ครม. ไม่ใช่คำสั่งให้เลิกทำ ถ้ารัฐบาลยังดื้อตาใสก็ทำต่อไป ประชาชนที่รู้ข้อมูลก็จะตัดสิน เกิดผลกระทบต่อความนิยมของพรรครัฐบาลหรือหากทำต่อไปแล้วพบการทุจริต ก็จะเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระที่รับชอบดำเนินการฟ้องร้องกล่าวโทษต่อไป
ต้องมีความเห็นร่วมกับองค์กรอื่น
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินที่มีข้อเสนอเพิ่มอำนาจ สตง. สามารถท้วงติงยับยั้งโครงการประชานิยมว่า กฎหมายลูกดังกล่าวเป็นการร่างขึ้นมาตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าเมื่อผู้ว่าการ สตง. พบการใช้จ่ายเงินเชิงนโยบายที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน ให้แจ้งต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) หากเห็นพ้องด้วยให้ คตง.แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หากที่ประชุมร่วมเห็นพ้องด้วยให้ส่งเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาทบทวน หากฝ่ายบริหารไม่ตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วเกิดความเสียหาย ก็อาจต้องรับผิดชอบ ตรงนี้ไม่ถือเป็นอำนาจหน้าที่จะสั่งการระงับใดๆ แต่เป็นหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงให้ ส.ส. ส.ว.และคณะรัฐมนตรีตัดสินใจเท่านั้น และเข้าใจว่าเหตุที่ต้องมีการเขียนกฎหมายออกมาเช่นนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการใช้เงินเชิงประชานิยมจนก่อให้เกิดความเสียหายเหมือนก่อนหน้านี้
“เดียร์” ครวญถูกขวางรำลึกถึงพ่อ
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กขอพื้นที่จุดเทียนรำลึก เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เพื่อแสดงความกตัญญูต่อพ่อ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ตนได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่รัฐ สอบถามถึงการจัดกิจกรรมรำลึก 7 ปี การเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ ในวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ไปว่า ตนและครอบครัวไม่ได้จัดกิจกรรมอะไร ที่จะทำคงมีเพียงแต่ตนและพี่สาวไปวางดอกไม้ ยกมือไหว้ และจุดเทียนให้แก่คุณพ่อในช่วงเย็นๆ ณ จุดที่ท่าน โดนลอบยิงเหมือนทุกปี แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ตนและพี่สาววางดอกไม้และจุดเทียน หรือทำอะไรได้ โดยไม่ให้เหตุผลประกอบใดๆ อยากสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องว่า คำสั่งไม่อนุญาตนี้เป็นจริงหรือไม่ หากจริง เหตุใดถึงขัดขวางการแสดงความกตัญญูและการรำลึกที่ลูกสาว 2 คนต้องการทำให้แก่คุณพ่อ ทั้งที่จุดที่คุณพ่อโดนยิงเป็นที่สาธารณะ ที่ผ่านมามีครอบครัวที่โดนกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลทางการเมืองมากมาย พ่อตนจากไปด้วยความตาย มาวันนี้เป็นวันครบรอบ 7 ปี ขอให้เราได้วางดอกไม้และจุดเทียน เพื่อแสดงความรัก ความคิดถึง และความกตัญญูได้ไหม
คสช.ห้ามชี้เข้าข่ายกิจกรรมการเมือง
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมรำลึก 7 ปีบิดา หรือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินี ว่า คิดว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้ดุลพินิจว่ากิจกรรมดังกล่าวน่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่อนุญาตให้ น.ส.ขัตติยาจัดกิจกรรมดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา คสช.เน้นการขอความร่วมมือมาโดยตลอด และก็ได้รับความร่วมมือจาก ทุกภาคส่วนด้วย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งครอบครัว น.ส.ขัตติยาแต่อย่างใด การที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้จัด เป็นเพราะพิจารณาแล้วว่าการรำลึกการจากไปของ พล.ต.ขัตติยะอาจเข้าข่ายกิจกรรมเชิงการเมือง
“บิ๊กตู่” ชี้คิดต่างแต่ต้องอยู่ด้วยกันได้
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า วันนี้อยากทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน อยากพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เนื่องจากเห็นว่ามีหลายๆกลุ่มมาชี้แจงแถลงกัน ในสภาต่างๆ อาจจะวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างว่า คสช. รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลย ตนอยากให้ประชาชนลองฟังดู แล้วพิจารณาให้ถ่องแท้ ทุกคนต่างมีหน้าที่ แม่น้ำ 5 สาย ล้วนทำงานร่วมมือกันมาโดยตลอด ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น ตนไม่ได้บังคับให้ใครคิดเหมือน คิดต่างได้ แต่มันต้องมีวิธีการที่ทำร่วมกันให้ได้ว่าทำยังไงมันจะเกิดผลสัมฤทธิ์แก้ปัญหา เราขาดความรักความสามัคคี แบ่งฝ่ายแบ่งพวก ใช้กฎหมาย ใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือแก้ไขความผิดของตน หรือเพื่อผลประโยชน์ของตน ในวันนี้และวันหน้าจนทำให้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตรงกับจุดมุ่งหมายของการออกกฎหมาย วัตถุประสงค์ของกฎหมายแต่ละฉบับก็ล้วนแต่มุ่งจะทำให้สังคมสงบสุข ไม่วุ่นวาย มีความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ แต่ก็มีหลายคนพยายามนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง
สตง.ยันสอบเข้มเรือดำน้ำไม่พบผิด
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงิน แผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองวิพากษ์ วิจารณ์ว่า การตรวจสอบการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ฝ่ายตรวจสอบจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันว่า ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแสดงว่าเขาทำถูกต้อง ไม่มีหลักฐานกระทำผิด การตรวจสอบของ สตง. เรายึดหลักฐานเป็นสำคัญ ไม่สามารถใช้ความรู้สึกได้ เรื่องนี้เป็นงานระดับชาติ ไม่สามารถทำแบบลูบหน้า ปะจมูกได้ และจากการตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐจริง มีการลงนามในเรือนรับรองของรัฐบาลจีน ไม่เหมือนในอดีต ที่มีการทำสัญญา รัฐต่อรัฐปลอมได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของ สตง.กำลังตรวจสอบเอกสารต่างๆที่กองทัพเรืออย่างเข้มข้น ตามที่ระบุไว้ว่าจะใช้เวลาตรวจสอบ 2 สัปดาห์ อยากให้รอดูผลสอบที่จะออกมาแล้วค่อยวิจารณ์กันทีเดียวจะดีกว่า ยืนยันเราตรวจสอบเต็มที่
สธ.นัดหารือพยาบาลทั่ว ปท.
ส่วนกรณีที่ ครม.มีมติไม่อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ 10,992 อัตรา ส่งผลให้กลุ่มพยาบาลบางส่วนไม่พอใจออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน พร้อมขู่ลาออกยกกระทรวง 30 ก.ย.นี้ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สัปดาห์หน้าทางกระทรวงสาธารณสุขจะหารือและทำความเข้าใจกับพยาบาลทั่วประเทศ โดยประชุมผ่านทางวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ส่วนเรื่องที่ ก.พ.ออกมาระบุว่า จำนวนพยาบาลวิชาชีพของไทยมีอัตราสูงกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดนั้น เนื่องจาก ก.พ.กับกระทรวงสาธารณสุขใช้ฐานข้อมูลคนละชุดกัน ดังนั้น รมว.สาธารณสุข จึงได้มีแนวคิดที่จะมีการตั้งกรรมการร่วมกันขึ้น เพื่อใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน
เล็งตั้ง กก.ร่วมประสานข้อมูล
นางกฤษดา แสวงดี อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่ 2 กล่าวว่า ตามที่ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ได้ประชุมเรื่องนี้ร่วมกับผู้บริหาร เบื้องต้นได้สั่งการให้ดำเนินการตามมติ ครม.ไปก่อน โดยใช้อัตราตำแหน่งข้าราชการที่ว่างลงของปีนี้มาบริหารจัดการ ซึ่งในส่วนของพยาบาลนั้น คิดว่าน่าจะอยู่ประมาณ 3 พันกว่าอัตรา เป็นตัวเลขที่เป็นไปตามที่ขอตำแหน่งจาก ครม.อยู่แล้ว เพราะขอไป 10,992 ตำแหน่ง แบ่งเป็น 3 ปี ปีละประมาณ 3 พันอัตรา ดังนั้น คิดว่าที่มีอยู่นั้นน่าจะสามารถบริหารได้ในส่วนของปี 2560 ที่ขณะนี้มีพยาบาลที่จบตั้งแต่ปี 2556-2559 รอบรรจุอยู่ อย่างไรก็ตาม เรื่องการขออัตรากำลังเพิ่มนั้นต้องหารือกันต่อไป และควรมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ก.พ. และหน่วยงานกลาง เพราะที่ผ่านมาต่างคนต่างทำงาน ใช้ข้อมูลกันคนละชุด
“สุวิทย์” จี้เร่งบรรจุ-เพิ่มอัตรา
นายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรองนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า นอกจากรัฐบาลจะต้องบรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการแล้ว ยังต้องเพิ่มอัตรากำลังให้กับสถานพยาบาลต่างๆอีกด้วย ก.พ.จะมาใช้หลักในการพิจารณากรอบอัตรากำลังของหน่วยงานต่างๆแบบเดียวกันหมดคงไม่ได้ เพราะหน้าที่ความรับผิดชอบเรื่องงาน ความจำเป็นที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วยงาน สิ่งที่ ก.พ.ควรทำก็คือ การปรับลดและยุบหน่วยงานที่มีเนื้องานความรับผิดชอบ และอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ องค์กรมหาชน องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานของรัฐ บางหน่วยงานมีอัตราค่าตอบแทนและสวัสดิการสูงกว่าข้าราชการและสูงกว่านายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ ทั้งนี้ แต่ละสถานพยาบาลนั้น มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากแต่มีบุคลากรน้อย ไม่เพียงพอกับการให้บริการ อีกทั้งอาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่มีความเครียดสูง เพราะอยู่กับโรคภัยไข้เจ็บและคนป่วย จึงขอเชิญให้ช่วยกันเรียกร้องให้รัฐบาลรีบขยายกรอบอัตรากำลัง เพื่อบรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการและเพิ่มอัตรากำลังเพื่อให้เพียงพอกับการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
จ่อสอบอดีต 2 นศ.อุเทนฯขู่ “เนติวิทย์”
สำหรับกรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานสภานิสิตจุฬาฯ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.พงศ์พิทูร พาศรี รอง สว. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน เพื่อลงบันทึกประจำวัน จากเหตุที่มีชายวัยรุ่น 2 ราย ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปบริเวณโรงอาหารของตึกรัฐศาสตร์ เพื่อตามหานายเนติวิทย์ด้วยท่าทีคุกคามและใช้ถ้อยคำในลักษณะข่มขู่ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น วันเดียวกัน ที่ สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเชิญตัว 2 อดีตนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อ คือ ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจ ส่วนข้อหาบุกรุกนั้นไม่ได้แจ้งเนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ และเป็นเวลากลางวัน สามารถเข้าออกได้ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐานและติดตามจนทราบเบาะแสรายละเอียดทั้งหมดแล้ว พร้อมติดต่อประสานกับนายเนติวิทย์ตลอดเพื่อแจ้งความคืบหน้า
สภาใหม่สร้างช้าเหมือนเต่าป่วย
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า ขณะนี้โครงสร้างคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 35 โดยตั้งเป้าว่าโครงสร้างจะต้องเสร็จภายในปี 2560 คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 3,000 ล้านบาท และล่าสุดทางบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้รับเหมา ได้ขอขยายเวลาการก่อสร้างออกไปอีก 926 วัน แต่ยังไม่มีการอนุมัติกรอบเวลาดังกล่าว ต้องให้บริษัทผู้ควบคุมงานและบริษัทที่ปรึกษาพิจารณาก่อนว่า กรอบเวลาที่เสนอมาเหมาะสมหรือไม่ ที่ผ่านมาผู้รับเหมา ขอขยายเวลามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ความคืบหน้าก็ไม่เป็นไปตามที่ขอมา สำหรับการวางระบบไอซีที ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการก่อสร้างนั้นล่าช้ามาก ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีพิเศษ ทำให้ประหยัดงบประมาณได้กว่า 40 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัท ซิโน-ไทย จะต้องส่งมอบงานทั้งหมด ภายในวันที่ 31 ธ.ค.62 และในต้นปี 63 จะย้ายเข้าได้ทันที
ส.ส.มะกันหารือนายกฯชื่นมื่น
เมื่อเวลา 19.00 น. นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นำนายวิลเลียม แอล. จอห์นสัน (William L. Johnson) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกัน รัฐโอไฮโอ เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อรับทราบถึงนโยบายการค้าและการลงทุน ภายหลังหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า 2 ฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือในมิติต่างๆที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่ามิตรภาพและความร่วมมือของไทย-สหรัฐฯ จะยืนยาวและยั่งยืน สำหรับการพัฒนาการเมืองไทยนั้นขอให้มั่นใจรัฐบาลยึดมั่นเดินตามโรดแม็ปเพื่อมุ่งสู่ประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบและยั่งยืน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์หวังว่านายจอห์นสันในนามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะช่วยดูแลคนไทยและบริษัทไทยที่ เข้าไปลงทุนในสหรัฐฯเป็นอย่างดี ขณะที่นายจอห์นสันยืนยันว่าสหรัฐฯพร้อมที่จะให้การดูแลนักลงทุนไทย