กรธ.เล็งวางกลไกตรวจสอบลดความซ้ำซ้อน หาก สตง.พบใช้จ่ายไม่ถูกต้อง ถกร่วมองค์กรอิสระท้วงรัฐสุมหัว "กกต-ป.ป.ช." ยั้งประชานิยม
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ที่ ร.ร.รามาการ์เด้นส์ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) จัดสัมมนา เรื่อง "การรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ...
โดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวสัมมนาตอนหนึ่งว่า ถ้าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ไม่เข้มงวด เงินหลวง เงินแผ่นดินก็จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน กรณีการใช้เงินโดยไม่สุจริตก็ต้องไปว่ากัน แต่กรณีใช้โดยสุจริตแล้วเกิดผิดพลาด จะวางกติกาให้ต้องทำอย่างไร ไม่ให้ต้องรับผิดชอบภายหลัง ตรงนี้ กรธ.กำลังคิดหาวิธีกันอยู่เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ได้รับความผิดหรือผลกระทบที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันยังคิดอีกว่า จะทำกฎหมายออกมาในลักษณะใดที่ให้การตรวจสอบงบประมานของภาครัฐ ไม่ซ้ำซ้อนหน้าที่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพราะจะเป็นอันตรายกับระบบราชการได้ในอนาคต
นายมีชัย กล่าวต่อว่า เบื้องต้น จะให้สตง.มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณภาครัฐว่าถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้ ป.ป.ช.ยึดรายงานจาก สตง.เป็นหลัก เพื่อสอบสวนเชิงลึกต่อ และต้องประสานงานข้อมูลต่างๆร่วมกันระหว่าง สตง.และป.ป.ช. ส่วนการตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานอย่าง ป.ป.ช.มีคำถามว่าสตง.จะสามารถทำได้หรือไม่ หากพบว่า ป.ป.ช.ใช้งบโดยมิชอบ เนื่องจากผู้ที่เข้ามาตรวจสอบการทุจริตของ ป.ป.ช.ก็คือ เจ้าหน้าที่ของป.ป.ช.เอง ได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. มีอิทธิพลถึงขนาดกรรมการ ป.ป.ช.กลัว ส่วนการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสตง.คือ กรมบัญชีกลาง แต่มักเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นแบบผ่านๆ ไม่เห็นมีการทักท้วงอะไร กรธ.จึงมองว่า ถ้าให้กรมบัญชีกลางทำหน้าที่บนพื้นฐานที่ สตง.เคยทำ จะเหมาะสมหรือไม่ เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานในการตรวจสอบและใช้ระบบแบบเดียวกัน และเมื่อไรที่ สตง.พบการใช้จ่ายเงินของรัฐไม่ถูกต้องตามวินัยการเงินการคลัง ก็สามารถประชุมร่วมกับองค์กรอิสระ อื่น เพื่อท้วงติงรัฐบาลได้
...
ด้าน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด เพิ่มบทบาทหน้าที่นอกเหนือจากตรวจสอบทางกฎหมาย แต่ยังเพิ่มเติมสาระสำคัญจากเดิม เช่น ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) อาจเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่อาจพบว่า จะมีการใช้จ่ายเงินที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือประชานิยม ลดแลกแจกแถม หากเห็นว่า การใช้เงินนั้น มีลักษณะหาเสียง ก็ไม่ใช่เพียงแค่ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. แต่ยังต้องส่งไปยัง กกต.ด้วยเพื่อวินิจฉัยตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในกรณีที่เอาเงินแผ่นดินไปหาเสียง เมื่อคตง.เห็นว่า เข้าข่ายก็จะไปหารือร่วมกับ ป.ป.ช.และกกต. หากเห็นพ้องกันว่า การใช้จ่ายเงินเหล่านั้นจะก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ต้องแจ้งไปยัง รัฐสภา และครม.โดยไม่ชักช้า ส่วนการติดตามทวงคืนความเสียหายของรัฐที่เกิดขึ้นแล้ว หากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ดำเนินการ สตง.มีอำนาจติดตามการทวงคืนเหล่านี้ แม้ไม่มีตัวแทนความเสียหาย อาจกำหนดให้ สตง.เป็นผู้เสียหายแทนประชาชน ฟ้องร้องได้ ทั้งนี้ อยากให้กำหนดเพิ่มเติมว่าการกระทำที่ฝ่าฝืนหลีกเลี่ยง จนก่อให้เกิดความเสียหาย นอกจากผิดวินัย อาญา และแพ่งแล้ว ควรต้องมีโทษปรับทางปกครองเพิ่มเติมด้วย