วัชระ ยกกรณี ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน สะท้อน มท.ล้มเหลว ยุค "อนุพงษ์" เหน็บดีเอสไอ เป็น สตช.สาขาสอง เตือน "ไพสิฐ " ยึดธรรมาภิบาล อย่าซ้ำรอย "ธาริต"

วันที่ 7 พ.ค. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการย้ายผู้ว่าแม่ฮ่องสอน มาประจำกระทรวงมหาดไทย จากกรณีถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซื้อบริการทางเพศเด็กสาว ว่า สะท้อนให้เห็นว่าการแต่งตั้งผู้ว่าฯ ที่ผ่านมาซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อ้างว่า มีการคัดสรรโดยกรรมการสองชุดในการพิจารณาแต่งตั้งนั้น มิได้ทำเป็นอย่างดี แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตนในฐานะอดีต ส.ส. ขอให้มหาดไทยพิจารณาบุคลากรในกระทรวงที่เป็นผู้ตรวจราชการทั้งสุภาพสตรี หรือ อดีตรองผู้ว่าฯ ที่เคยร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ต่อไปอยากให้การโยกย้ายยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่ใช่ยึดหลักพรรคพวกเหมือนในยุคของ พล.อ.อนุพงษ์ และขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เข้าเครื่องจับเท็จสอบสวนเหมือนกับที่ทำกับเด็กสาวด้วย เพื่อให้ความยุติธรรมต่อไป

นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จำนวน 6 ตำแหน่ง โดยมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้ง 6 ราย ให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการในดีเอสไอ ว่า สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารในดีเอสไอคำว่าสหวิชาชีพหายไป มีแต่อดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจที่ขึ้นเป็นผู้บัญชาการสำนักต่างๆ ในขณะที่ข้าราชการพลเรือนไม่มีตำแหน่งที่สำคัญ และปรากฏว่าบุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งล่าสุด ล้วนเป็นอดีตหน้าห้องนักการเมือง อดีตหน้าห้องอธิบดี กรมดีเอสไอ เช่น อดีตหน้าห้องของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตหน้าห้องของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่สนิทสนมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ การแต่งตั้งดังกล่าวจึงเป็นการปิดโอกาสข้าราชการอื่นที่มีความรู้ความสามารถ พล.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กำลังทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็น สตช.สาขาสอง จึงขอให้นายกฯ ลงมาดูแล อย่าปล่อยให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็น สตช.สาขาสอง ที่ควบคุมไม่ได้ และฝากไปถึง พล.ต.อ.ไพสิฐ ว่า ต้องบริหารตามหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล อย่าให้เหมือนยุค นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว.

...