"สีหนาท" รายงานตัว "วิษณุ" หลังถูกเด้ง รับไม่หนักใจ ยันทำงานเต็มที่ยึดทรัพย์สุดซอย ปัดไม่เกี่ยวคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ พร้อมเต็มใจเปิดทางให้สอบ

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประจำสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงภายหลังเข้ารายงานตัวกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ถึงกรณีมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 120/2560 ให้มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว หลังมีข่าวเข้าไปพัวพันกับการฟอกเงินในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นว่า ขณะนี้ไม่มีการกล่าวหาอะไร เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ตามหลักการจึงควรจะย้ายตนออกมา ส่วนที่ผลสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการพาดพิงตนนั้นไม่ทราบเรื่องและไม่ได้หนักใจ เราปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต คดีนี้มีการยึดทรัพย์ไปมากกว่า 7 พันล้านบาท การจะไปช่วยเหลือคงเป็นไปไม่ได้ และคำสั่ง ปปง.ที่ 265/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย.59 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวการกระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอกและเบียดบังเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่ปรากฏในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 120/2560 นั้น เป็นคำสั่งที่ตนตั้งคณะกรรมการสอบเองหลังมีกระแสจากสื่อออกมา แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ได้ทำหน้าที่สอบตน ในส่วนของคณะกรรมการที่จะสอบตนจะต้องมีการตั้งขึ้นมาใหม่

เมื่อถามว่า งงหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้เป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้ แต่กลับโดนสั่งย้าย พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ตนไม่เรียกว่างง เพราะหลักการเราควรจะย้ายออกมาให้เกิดความโปร่งใสในการสอบสวน ส่วนผลสอบจะออกมาก่อนที่จะเกษียณในเดือน ก.ย.นี้หรือไม่นั้น ไม่ทราบ แล้วแต่คณะกรรมการสอบ

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ยืนยันเพราะเราทำงานเต็มที่ ยึดทรัพย์ก็สุดซอย ดังนั้น เป็นเรื่องของกระบวนการ ตนไม่มีความกังวลอะไร

...

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้ความน่าเชื่อถือของ ปปง.ถูกลดทอนหรือไม่ เพราะมีข่าวเจ้าหน้าที่ ปปง.ไปเกี่ยวข้องเสียเอง พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ไม่ ตนเชื่อมั่นในเลขาธิการ ปปง.คนปัจจุบัน ท่านทำงานได้ดี คิดว่า ปปง.จะไปได้ดี และตนไม่ได้ถูกย้าย ยังเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักงาน ปปง.อยู่ แต่มาช่วยราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกฯ ไม่ได้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดีอะไร เป็นตำแหน่งที่ควรจะภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตาม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายงานอยู่ 3 เรื่อง คือ การปฏิรูประบบราชการ ระบบการป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงิน และภารกิจอื่นตามที่นายกฯ มอบหมาย โดยอยู่ในกำกับดูแลของ นายวิษณุ ซึ่งนายวิษณุไม่ได้สอบถามอะไร เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการ และไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ มอบหมายภารกิจตามที่มีในคำสั่ง