นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ชี้ ยิ่งเสรีภาพของสื่อลด ยิ่งมีคอร์รัปชัน ความโปร่งใสลดลงตลอด ตั้งแต่รัฐประหาร เสนอ 3 ข้อ แก้คอร์รัปชัน เร่งกลับสู่ประชาธิปไตย

วันที่ 4 พ.ค. ที่สมาคมนักข่าว ในการสัมมนา แก้ปัญหาคอร์รัปชัน ชาตินี้หรือชาติหน้า? ครั้งที่ 6 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า องค์กรความโปร่งใสสากลจัดอันดับความโปร่งใสของไทย ลดลงมาอยู่อันดับที่ 101 จากอันดับที่ 76 แถมการจ่ายใต้โต๊ะในประเทศไทยยังอยู่ แย่กว่า กัมพูชาและพม่า เสียอีก ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่คาใจประชาชนและตรวจสอบไม่ได้ เช่น การจัดซื้อไมโครโฟน อุทยานราชภักดิ์ การขุดลอกคลองของ อผศ. ปัญหาเครือญาติผู้นำ การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ฯลฯ ซึ่งตรวจสอบไม่ได้ แล้วยังมีการออกกฎหมายเพื่อจะมาจำกัดสิทธิของสื่อมวลชนอีก ซึ่งเป็นการคอร์รัปชันสิทธิของสื่ออย่างร้ายแรง ยิ่งเสรีภาพสื่อน้อยลง การคอร์รัปชันก็จะยิ่งมากขึ้น เพราะไม่มีสื่อคอยตรวจสอบ และยังไม่มีฝ่ายค้านในสภาอีก

นอกจากนี้ รัฐบาลนี้ยังคอร์รัปชันเอาสิทธิที่จะเลือกผู้นำของประชาชนไป ทำให้ได้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์แปลกประหลาด เช่น ให้ไปขายยางดาวอังคาร อาหารทะเลแพงก็ไม่ต้องกิน ปลูกหมามุ่ยแทนปลูกข้าว ส่งออกยาสีฟัน แปลงสีฟันและขัน และล่าสุด ให้ส่งลูกเรียนอาชีวะ ไม่ต้องส่งลูกเรียนปริญญา ทั้งๆ ที่เคยถามคนอื่นว่า จบอะไรมา ? อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่า อนาคตการจ้างงานจะลดลงตามการพัฒนา ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผู้นำไม่เข้าใจ และที่ร้ายแรงที่สุด คือ การคอร์รัปชันความเจริญของประเทศทำให้ประเทศโตต่ำกว่าศักยภาพมาหลายปี การลงทุนหดหาย ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการพัฒนาประเทศมาก ประชาชนลำบากกันมาก ขนาดองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กร เช่น ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ เอดีบี ยังออกมาเตือน

...

ดังนั้น วิธีแก้ไขคอร์รัปชันที่ดีทำได้ คือ 1) หากมีรายได้โดยไม่มีที่มาให้ถือเป็นการคอร์รัปชันเลย 2) การรายงานรายได้ตั้งแต่อายุ 21 ปี ทุกคน หากต่อมารวยขึ้นต้องถามว่า จ่ายภาษีถูกต้องหรือไม่ 3) การลดขนาดรัฐให้เล็กลง outsource งานที่ไม่สำคัญให้เอกชน เพิ่มเงินเดือนข้าราชการ และผู้บริหารประเทศ แต่ห้ามคอร์รัปชัน

ดังนั้น จึงควรจะกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้มีระบบตรวจสอบการคอร์รัปชันและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเพื่อประเทศจะได้พัฒนาได้ตามศักยภาพ