โฆษก กห.เผย "บิ๊กป้อม" ตรวจเยี่ยม-ติดตามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำชับทำงานด้วยความอดทน ยึดหลักกฎหมาย เพื่อนำสันติสุขในพื้นที่กลับมา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.60 พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า วันนี้ (1 พ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการ เพื่อให้กำลังใจการปฏิบัติงานของข้าราชการในพื้นที่ จชต. ณ ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ที่ประชุมได้ติดตามขับเคลื่อนการแก้ปัญหา จชต.ร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าและ ศอ.บต. โดยสรุปภาพรวมทั้งด้านความมั่นคง การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งด้านความเป็นธรรมในสังคม โดยภาพรวมพบว่า เศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จชต.ขยายตัวต่อเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ที่รัฐบาลพยามผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่และวิถีชีวิตชุมชนมุสลิม
พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนของสังคมได้ร่วมกันลดเงื่อนไขความไม่เป็นธรรมในสังคม เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม เป็นธรรมกันอย่างทั่วถึง ทั้งการยกระดับและสร้างโอกาสทางการศึกษา การแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งตามแนวสันติวิธี ด้วยการเปิดเวทีพูดคุยกันระดับพื้นที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จากเวทีสู่การปฏิบัติ ซึ่งโดยภาพรวมพบว่ามีแนวร่วมขบวนการมอบตัว และรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น ประชาชนในพื้นที่ปฏิเสธความรุนแรง และไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง การทำลายระบบสาธารณูปโภค ทั้งระบบไฟฟ้าและเส้นทางคมนาคม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรง การบิดเบือนคำสอนทางศาสนา ซึ่งเป็นการดึงเด็กและเยาวชนเข้าเป็นแนวร่วมขบวนการ อันถือเป็นวงจรชีวิตที่ตกต่ำทางเสรีภาพและติดบ่วงทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ผ่านมา มีผลให้เกิดความกังวลกับประชาชนอยู่บ้าง
...
พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและประชาชนทั้งประเทศมีความห่วงใยกับสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบคือพี่น้องประชาชนไทยด้วยกัน การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในพื้นที่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายรับไม่ได้ จึงจำเป็นต้องร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นกับสังคมในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยกำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ศอ.บต.และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมบูรณาการและใช้ประโยชน์จากงานข่าวกรองร่วมกันให้มากขึ้น ร่วมกับการขยายเครือข่ายงานข่าวภาคประชาชน พร้อมทั้งเชื่อมโยงและพัฒนาประสิทธิภาพกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญ ร่วมกันกับการขับเคลื่อนกลไกที่มีอยู่ในพื้นที่ เพื่อป้องกันและติดตามการก่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้น
พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่ร่วมกันพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมีพัฒนาการต่อเนื่องมา โดยขอให้ร่วมกันขับเคลื่อนแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่างๆ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ ให้สามารถนำสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวย้ำขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ใช้ความอดทนร่วมกันในการทำหน้าที่ โดยยึดถือกฎหมาย เพื่อสร้างบรรทัดฐานความเป็นธรรมที่เท่าเทียมกันในสังคม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติในการนำกลับมา ซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติสุขของพี่น้องประชาชนทุกคนในพื้นที่ 3 จชต.