'มัลลิกา' รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แนะ 'บิ๊กตู่' ใส่เกียร์เดินหน้า ปรับ ครม.เศรษฐกิจ ฟื้นศรัทธาประชาชน ฟันธงหากปล่อยปมเศรษฐกิจเรื้อรัง หลังเลือกตั้ง รัฐบาลหน้าอยู่ยาก
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 60 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน กล่าวว่า เวลาอีกปีครึ่งนับจากนี้ เป็นขาลงของรัฐบาลที่จะอาศัยข้าราชการตอบสนองเต็มร้อยนั้นเป็นเรื่องยากในภาวะเกียร์ว่างนี้ รัฐบาลจะถูกโจมตีพุ่งเป้าไปที่เรื่องปากท้องประชาชน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ปรับกลยุทธ์ มีหวังกอดคอกันกลับกรมกอง
ดังนั้น นายกฯ ควรปรับนโยบายกับปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะตัวชี้วัดไม่ใช่แค่ตัวเลขของกระทรวงคลัง แต่วัดที่ความฝืดเคือง ลำบากในการทำมาหากินของประชาชน ที่วันนี้ไร้สภาพคล่อง เงินในกระเป๋าไม่มี มีแต่อาชญากรรมเพิ่มขึ้น จะเป็นชนวนให้สังคมไทยเบื่อรัฐบาลทหาร เมื่อสบจังหวะที่จะมีการเลือกตั้ง คนจึงมีความคาดหวังในใจการเลือกผู้แทนฯ จากการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มการเมืองที่สร้างความหวังด้วยการตลาดแนวเดียวกับทัวร์โชกุน ทุกอย่างจะกลับสู่วังวนเดิม
"ดิฉันเห็นสภาพรัฐบาลในอนาคตหลังเลือกตั้งก็ยังอยู่ยาก เพราะถ้ารัฐบาลไม่ใช่เสียงข้างมาก กฎหมายฉบับแรกเข้าสภาก็เจ๊งแล้ว เพราะ ส.ว.แม้เลือกนายกฯ ได้ แต่โหวตกฎหมายในสภาผู้แทนฯ ไม่ได้ ก็วุ่นอีก การตั้งรัฐบาลภายใต้ระบบไฮบริดจะไม่ง่ายดังใจที่กลุ่มทหารบางกลุ่มคิด จึงขอเสนอให้ผู้มีอำนาจ ขณะนี้ปรับ ครม.และปรับนโยบายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และใช้มาตรา 44 ขับเคลื่อนนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ทลายกำแพงและอุปสรรคต่างๆ เปิดกว้างนโยบาย ตรวจสอบแผนงานค้างทุกกระทรวง ระดมการลงทุนจากเอกชนภายในประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนทางการเงิน ทั้งเงินลงทุนจากเอกชนรายย่อยระดับ 1,000-3,000 ล้าน โครงการเล็กรวมกันหลายๆ โครงการ จากนโยบายหลายกระทรวงเศรษฐกิจ โดยเลิกหวังกับโครงการประชารัฐได้แล้ว เพราะไม่เป็นตามที่คาดหวังและไม่ควรรอคอยเมกะโปรเจกต์”
...
นอกจากนี้ รัฐบาลควรผลิตสกู๊ปข่าว หรือฉายสารคดีที่มาของรัฐบาลทหารนี้ โดยเฉพาะในคดีการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นที่ตัดสินโดยศาล คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา และคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวน ให้สังคมเรียนรู้และเข้าใจ รวมถึงคดีเกี่ยวกับความมั่นคง ไม่ใช่ทิ้งปัญหาให้ประชาชนสงสัยอีกต่อไป