ก่อนอื่นต้อง “สวัสดีปีใหม่ 2559” ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านจงมีความสุขความเจริญกันถ้วนทั่ว คิดหวังอะไรขอให้ประสบความสำเร็จหลังจากเติมสุขในวันหยุดยาวเพื่อเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนานบานใจ
พ้นจากห้วงวันปีใหม่ก็ต้องกลับคืนมาสู่ความปกติในชีวิตจริง ทำมาหากินกันต่อไป อันเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการไปตามวิถีทางของแต่ละคน
แน่นอนว่าปีที่ผ่านมาต่างก็ได้เผชิญกับหลากหลายเรื่องราวทั้งสุข ทุกข์และเศร้า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ปัญหาเศรษฐกิจคงเป็นตัวแปรสำคัญที่เกี่ยวพันกับทุกๆคน
เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการกับปัญหาปากท้องให้ได้
ว่ากันว่าการจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างทันตาเห็นคงมิใช่เรื่องง่ายๆ แต่อย่างน้อยก็ต้องทำให้ยืนอยู่ในจุดที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และไม่ตกต่ำไปมากกว่านี้
เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าปี 2558 อยู่ในภาวะที่เรียกว่าต้องลุ้นกันวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เนื่องจากความแน่นอนว่าจะเป็นไปอย่าง
จีดีพีที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3% จะทำได้หรือไม่?
อย่าให้เป็นอย่างที่มีการพูดกันว่าเป็น “ปีเผาจริง” ก็แล้วกัน เพราะฟังแล้วดูน่ากลัวครับ...ฟังแล้วหดหู่ใจ
มาตรการต่างๆที่กำหนดเอาไว้ จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนั้น จึงขึ้นอยู่กับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะนำพาทีมงานให้สามารถผลักดันให้เป็นไปตามนั้นให้ได้
โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เป็นตัวเชื้อสำคัญ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นครั้งใหญ่ จึงต้องรีบดำเนินการอย่าให้ล่าช้า
รัฐมนตรีที่ร่วมรับผิดชอบจะต้องร่วมมือประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างทำไม่มีทางสำเร็จแน่
นายกฯจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญที่จะต้องไล่จี้งานอย่างใกล้ชิด รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะมาจากทหารหรือพลเรือน ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานกันใหม่ และต้องเรียนรู้จากความเป็นจริงด้วย
ที่สำคัญคือ นายกฯจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง หากรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้สอดรับกันได้
ไม่ว่าจะเป็นพี่ เพื่อน หรือคนรอบข้างก็ตาม
หากยังเกรงอกเกรงใจกันอยู่อย่างที่ผ่านมา จะทำให้เสียงานใหญ่ ซึ่งเป็นวาระสำคัญของชาติบ้านเมือง
เพราะนอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังมีปัญหาอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมืองสังคม และแรงบีบคั้นจากต่างประเทศด้วย
ยิ่งมีการพูดกันด้วยว่า เมื่อก่อนคิดกันว่าแม้รัฐบาลจะเก่งจริง แต่ภาคเอกชนไทยนั้นเก่งและช่วยนำพาเศรษฐกิจไปได้
แต่วันนี้คงไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆได้เปลี่ยนไป
มีสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งที่รัฐบาลดำเนินการแล้วคือ การขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและได้รับการสนองตอบ นอกจากรับฟังความคิดเห็นและยังอาสาเข้ามาร่วมกันทำงานด้วย
ในด้านต่างประเทศที่รัฐบาลจับมือกับญี่ปุ่น จีน รัสเซีย ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อความร่วมมือกันในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจการลงทุน ซึ่งมีแนวโน้มไปในทางดี
ต่อไปก็ควรจะเดินหน้าทั้งอียู และสหรัฐฯ เนื่องจากจับมือกับประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ย่อมทำให้ไทยมีอำนาจการต่อรองมากยิ่งขึ้น
ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว.