ถือเป็นความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของ “ไทยรัฐออนไลน์” www.thairath.co.th ที่ได้เสนอข่าว พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ เกี่ยวกับการจัดทำโผโยกย้ายนายทหาร วาระตุลาคม ๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ต่อเนื่องเรื่อยมามากกว่าสองปี โดยมิได้ตรวจสอบแหล่งข่าวให้ถูกต้องจนทำให้เกิดความเสียหายแก่ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ และบุคคลอื่นที่มีการกล่าวถึงในข่าวนั้น กระทั่งได้มีการตรวจสอบ พูดคุยและหารือจนเป็นที่แน่ชัดแล้ว จึงต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน...

หลังจากที่ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เกษียณอายุราชการไปแล้วเกือบ ๓ ปี โดยใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างเงียบๆ และมักใช้เวลาส่วนใหญ่กับการปฏิบัติธรรม กระทั่งทางกองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ได้ติดต่อ และทำการตรวจสอบข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง จนเกิดความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ทำให้ได้รับความกระจ่างและความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้น ทางกองบรรณาธิการจึงขออภัยต่อ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ในความผิดพลาดดังกล่าว

จากกรณีที่กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ได้เสนอข่าว “สุกำพล ล้วงโผ ปลัด กห. ฮึดชน” ในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ หัวข้อข่าวย่อย “เตรียมยื่นร้องศาลปกครอง” และได้บรรยายเนื้อข่าวว่า “ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.เสถียร ได้เดินทางไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และมอบหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล พร้อมทั้งสำเนาบัญชีรายชื่อเพื่อนำไปมอบให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หากมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่สำนักงานปลัดกระทรวงเสนอไป แสดงว่ามีการปรับเปลี่ยนแก้ไขรายชื่อ...ฯ” ดังที่ปรากฏนั้น

...

กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวดังกล่าวพบว่า ข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน และผิดพลาด เพราะข้อมูลที่ถูกต้องคือ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ไม่ได้เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ และเปิดเผยเรื่องนี้แก่ผู้สื่อข่าวของไทยรัฐออนไลน์แต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายละเอียดของหนังสือที่ทำถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ เนื่องจากหนังสือฉบับนี้เป็นหนังสือ ลับมาก และการส่งหนังสือให้แก่สำนักนายกรัฐมนตรีของ พลเอก เสถียร กระทำตามหลักปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ระเบียบว่าด้วย การรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ อย่างครบถ้วน

นอกจากนี้ ยังพบว่าหลังจากที่ พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำพลเอก ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ แล้วในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕​ ซึ่งเป็นวันเกิดของ พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต ได้มีการเรียกกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของ กห. มาหารือ และสั่งการให้เสนอชื่อ พลเอก ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน เข้ามาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้งยังแสดงความตั้งใจที่จะไม่ให้ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ รับผิดชอบในการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่จะให้ พลเอก ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน เป็นผู้จัดทำบัญชีรายชื่อร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และจะไม่มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหมในเรื่องนี้อีก

จากเหตุการณ์นี้ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหมขณะนั้น ซึ่งมีฐานะเป็นผู้รักษาการข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับ พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะบทบัญญัติในเรื่องอำนาจการเสนอชื่อปลัดกระทรวงกลาโหม และในเรื่องการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ตามมาตรา ๒๕​ แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ ที่จะต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ดังนั้น พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ จึงต้องการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และด้วยความเกรงว่าจะมีการทำผิดกฎหมาย ทำให้ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ เห็นความจำเป็นที่จะต้องขอทราบความคิดเห็นในข้อกฎหมายและคำแนะนำในการปฏิบัติตามกฎหมายจากหน่วยงานที่มีส่วนสำคัญในการออกกฎหมาย คือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและบุคคลที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อกฎหมายฉบับนี้ โดยหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นที่มีความรู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างดีคือ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เนื่องจากเป็นบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องโดยตรงมาก่อน จึงมีความเชี่ยวชาญในเจตนารมณ์ของกฎหมายและระเบียบนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ ได้ถูกตราขึ้นในสมัยที่ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินการให้มีกฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้ในการจัดระเบียบของราชการทหาร ทำให้มีประสบการณ์ต่อกฎหมายฉบับนี้มากยิ่งขึ้น

กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ ได้ทราบความจริงอีกว่า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี มีภารกิจต้องไปบรรยายและมอบรางวัลให้กับเยาวชน “โครงการข้าวนอกนาโดยมูลนิธิรัฐบุรุษ” ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรในวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.๓๐ น. และ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ได้รับการนัดหมายให้ไปพบองคมนตรี ณ สถานที่นั้น ตามวันและเวลาดังกล่าว และได้เข้าพบ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีที่ห้องรับรอง โดยได้ทำการหารือเฉพาะเรื่องปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เพียงเท่านั้น ซึ่ง พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ หาได้นำโผทหารหรือข้อมูลการปฏิบัติงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลไปเปิดเผยให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ทราบแต่ประการใด รวมทั้งไม่ได้มีการส่งมอบ หรือฝากเอกสาร หรือให้ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล วาระ ต.ค. ๕๕ เพื่อให้มีการส่งต่อแก่ประธานองคมนตรีทั้งสิ้น

เมื่อกองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ ได้ทราบความจริงจากการตรวจสอบจนแน่ชัด เช่นนี้แล้ว จึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งในเรื่องที่มีการลงข่าวคลาดเคลื่อนจนผิดไปจากความเป็นจริง ดังที่กล่าวมาในข้างต้น จนส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อย่างมาก เพราะย่อมทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปได้ว่า พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ เป็นบุคคลที่ประพฤติมิชอบในตำแหน่งหน้าที่ราชการ ด้วยการกระทำการมิชอบในการนำโผโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นข้อมูลลับทางทหารไปเปิดเผยกับบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง อันเกิดจากการที่มีบุคคลทั่วไป เข้าถึงและรับข้อมูลจาก www.thairath.co.th ผ่านระบบเครือข่าย เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเครื่องมืออื่นใดในทำนองเดียวกัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงและการลงเผยแพร่ข่าวนี้ยังคงปรากฏต่อสาธารณชนมาโดยตลอดเป็นระยะเวลามากกว่าสองปี อีกทั้งพลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต ยังได้นำข้อมูลจากข่าวที่คลาดเคลื่อนนี้ไปเป็นเหตุในการออกคำสั่งให้ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ไปช่วยราชการที่อื่น โดยมีเจตนาพิเศษเพื่อไม่ให้ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปฏิบัติหน้าที่ในการร่วมประชุมพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของ กห. ที่มีการประชุม เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งๆ ที่ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ได้ยืนยันที่จะเข้าประชุมนี้ตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดแล้วก็ตาม จนทำให้ พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ต้องนำเรื่องการออกคำสั่ง ให้ไปช่วยราชการนี้ให้ศาลปกครองกลางพิจารณา แต่ขณะนี้ยังได้รับความเสียหายจากการที่ถูกสังคมเข้าใจผิดในส่วนนี้มาโดยตลอด

กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ จะดำเนินการติดตามข้อมูลในเรื่องนี้ มานำเสนอให้ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องต่อไป