รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำให้เกิดความเห็นต่างจนทำให้แม่น้ำ 5 สายเกิดความปั่นป่วนไปไม่น้อยเหมือนกัน นั่นส่งผลให้การทำงานที่จะต้องร่วมมือ ประสานงานกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งการปฏิรูปประเทศ ความปรองดอง และทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
การประชุมนัดพิเศษของแม่น้ำ 3 สายคือ รัฐบาล สปช. และ สนช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พร้อมด้วยรองนายกฯทั้ง 5 คน จะรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่ต่างไปจาก สนช. และ สปช.ก็จะรายงานความคืบหน้าว่าได้ทำอะไรกันมาบ้าง ทั้งด้านกฎหมาย การปฏิรูปในแต่ละด้าน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเวทีต่างๆ
พร้อมกับเปิดเวทีให้สมาชิก สปช.-สนช.ได้ซักถามกันอย่างเต็มที่
ที่ผ่านมามีการประชุมร่วมระหว่าง คสช. รัฐบาล สปช. สนช. และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญมาหลายครั้ง แต่ก็เป็นเพียงตัวแทนของแต่ละส่วนเท่านั้น
ไม่ได้มีการประชุมกันเต็มคณะทำให้ได้รับรู้กันในบางส่วนเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วน่าจะเป็นการรายงานการดำเนินงานในแต่ละส่วน
ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะเป็นไปแบบที่ คสช.ต้องการจะให้ทำอะไรหรือชี้แนะแนวทางเพื่อให้นำไปปฏิบัติมากกว่า
สิ่งที่น่าพิจารณาก็คือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สปช. สนช. และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ต่างล้วนมาเรือลำเดียวกันทั้งหมด โดย คสช.จะเป็นฝ่ายอำนวยการทั้งหมด
หรือที่เรียกว่า “ลงเรือแป๊ะ” ก็ต้องตามใจ “แป๊ะ” ทำนองนั้น
แต่เมื่อทำงานกันมาสักระยะความเป็นตัวตนของแต่ละคน แต่ละคณะย่อมแตกต่างกันโดยธรรมชาติของ “คน” อยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าจะเลยเถิดไปหรือไม่ ต่างคนต่างทำหรือไม่
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ ต้องสร้างความรู้สึกร่วมกันและประสานสอดรับกันให้ได้
ยิ่งการปฏิรูปประเทศซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ระดมความเห็นเพื่อนำมาเป็นเนื้อหาสาระที่เกิดประโยชน์สูงสุด ตรงเป้าหมายมากที่สุด
ยิ่งเงื่อนไขเวลาที่มีจำกัดยิ่งต้องผนึกกำลังให้แนบแน่น
อย่างการจัดทำรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะมีผลต่อการเดินหน้าของประเทศ เนื้อหาสาระจึงเป็นสิ่งที่จะต้องสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน มีกรอบความคิดเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมืองและทำให้ประเทศเดินต่อไปได้จริง
ไม่ใช่เป็นความคิดของใครของมันด้วยความรู้สึกว่าแบบนั้นดีแบบนั้นไม่ดี
แม้แต่การทำ “ประชามติ” ก็เช่นเดียวกัน ควรทำ ไม่ควรทำก็ต้องมีเหตุมีผลคิดให้รอบด้าน ไม่ใช่อ้างเพียงว่าจะทำให้เกิดการยอมรับเท่านั้น
ต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อที่จะได้รับลูกและประสานความคิดและการปฏิบัติให้เป็นจริง
เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการยึดอำนาจครั้งนี้มีความสำคัญเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศ
ไม่ใช่เพียงหวังแค่มีอำนาจมีตำแหน่งอย่างที่มีบางคนคิดเช่นนั้น
จะเสียของหรือไม่เสียของขึ้นอยู่กับทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบโดยมีประเทศชาติและประชาชนเป็นเดิมพัน
ดังนั้น ไม่ว่า คสช. รัฐบาล สปช. สนช. และ กมธ.ยกร่างฯ จะต้องมีสำนึกร่วมและต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมาด้วย
มิใช่ปล่อยให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กระโดดโลดเต้นอยู่เพียงคนเดียว.