วันนี้ (2 กันยายน 2557) เป็นวันสุดท้ายของการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเพื่อเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หลังจากที่เปิดรับติดต่อกันเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม
จากบรรยากาศกร่อยๆในวันแรกๆและผู้สมัครชุดแรกๆที่เป็นบุคคลที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าไรนักหรือไม่ก็มีชื่อเสียงในการสร้างความสนุกสนานแก่คนไทยเสียมากกว่า ทำให้วิตกกันว่า “สภาปฏิรูปแห่งชาติ” ที่เราคาดหวังกันไว้มากพอสมควรจะไม่เป็นตามที่คาดหวังเสียแล้วกระมัง?
คนเก่งคนดีที่สังคมไทยยอมรับหายไปไหนกันหมด?
ผมยังเก็บบรรยากาศมาเขียนให้ในคอลัมน์นี้เป็นเชิงปลอบใจว่า การสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปนั้นต่างกับการสมัคร ส.ส.โดยสิ้นเชิง
ไม่จำเป็นต้องหาเสียงในวงกว้าง ไม่จำเป็นต้องได้เบอร์สวยๆหรือเลขดีๆที่คนไทยเชื่อว่าเป็นมงคลหรือจำง่ายๆ
จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องแห่กันมาสมัครตั้งแต่วันแรก พร้อมทั้งมีการยกขบวนกองเชียร์หรือหน้าม้าต่างๆมาให้กำลังใจและเพื่อประโยชน์ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์
ผมเขียนแสดงความคิดเห็นไว้ด้วยว่า ผมเชื่อเหมือนที่ผู้ใหญ่ของสำนักงาน กกต. ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นฝ่ายเลขานุการ และทำหน้าที่ธุรการทั้งหมดของการสรรหาที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าจะมีผู้มาสมัครเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลัง
เสร็จแล้วผมก็ช่วยเขียนโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ยาวเหยียด โดยบอกกติกาการเสนอชื่อต่างๆ และบอกไว้ด้วยว่า หากอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมจะต้องดูได้ที่ไหน? อย่างไร?
ปรากฏว่าเหตุการณ์เป็นไปเหมือนที่ กกต.คาดหมาย ซึ่งผมเห็นด้วยมาตลอดครับ...เพราะหลังจากกร่อยๆ เหงาๆ จนรู้สึกวังเวงใน 3-4 วันแรกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้น
ยอดผู้สมัครค่อยๆเพิ่มขึ้น และคนดีมีคุณสมบัติและมีผลงานในด้านต่างๆ เริ่มทยอยกันมาเสนอชื่อมากขึ้น จนเป็นที่คาดหมายกันว่าเมื่อปิดรับสมัครวันสุดท้ายยอดผู้เสนอชื่อจะทะลุ 5,000 แน่นอน
คงจะทำให้การพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาหนักขึ้นและเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่า ไม่ง่ายเหมือนที่คาดกันไว้ในตอนแรก
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็คงต้องขอบคุณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ทำหน้าที่ในด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนได้อย่างดีเยี่ยมและค่อนข้างทั่วถึงเพราะออกสื่อทุกสื่อเท่าที่มีอยู่
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดและเป็นหัวใจของการสมัครอันล้มหลามครั้งนี้ น่าจะเป็นผลโดยตรงจากความรักชาติ รักแผ่นดิน ของผู้มีความรู้ ความสามารถในด้านต่างๆของประเทศไทยเรานั่นเอง
ที่มีความกังวลมีความห่วงใยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ จึงอยากเห็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อ “พลิกประเทศไทย” ไปสู่การพัฒนาที่แท้จริงในทุกๆด้าน ไม่ว่าเศรษฐกิจสังคมหรือการเมือง
ท่านจึงขันอาสาเสนอชื่อเสนอตัวเข้ามาสู่การสรรหาด้วยความเต็มใจ แม้จะเสี่ยงต่อการมองหรือการค่อนแคะของสังคมไทย ซึ่งยังมีผู้คนที่ยังไม่ปฏิรูปจำนวนหนึ่งที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายอยู่เสมอ
เช่น มองว่าหลายๆท่านมาเสนอตัวเพราะอยากดังบ้าง หรือเพราะอยู่เฉยๆ จะถูกลืมบ้าง ฯลฯ และเมื่อขบวนการสรรหาจบลงก็คงจะมีเสียงล้อเลียนสำหรับผู้ที่ต้องกลายเป็น “สปช.สอบตก” ตามมาอีก
ผมเชื่อในความจริงใจของทุกๆท่าน และขอขอบคุณผู้ขันอาสาทุกท่านที่เสนอตัว เสนอชื่อมาอย่างล้นหลามในครั้งนี้
ในการแข่งขันทุกประเภท ย่อมมีผู้แพ้ผู้ชนะ และในการเลือกสรรหรือคัดสรรทุกชนิด ก็ต้องมีผู้ที่ถูกคัดออก และจะมีมากกว่าผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหลายเท่า
ผมขออนุญาตเขียนปลอบใจล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ถูกคัดออก...ขออย่าได้เสียใจอย่าได้ผิดหวังแต่อย่างใดเลย เพราะท่านได้ทำหน้าที่ “พลเมืองดี” ที่ควรแก่การยกย่องเอาไว้แล้ว
สำหรับผู้ที่จะได้รับการคัดเลือก...ผมก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า และก็ขอเรียนว่าจะติดตามให้กำลังใจต่อไปอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้งานสำคัญอันยิ่งยวดที่เราทุกคนมีความปรารถนาร่วมกันบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นคือการปฏิรูปประเทศไทยในทุกๆด้าน
ผมยังมั่นใจอยู่ครับว่า ถ้าบรรยากาศการปฏิรูปยังคึกคักแบบนี้... การปฏิวัติรัฐประหารคราวนี้ ไม่น่าจะ “เสียของ” อย่างแน่นอน!
“ซูม”