เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำของนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเองอย่างไม่ยี่หระต่อความรู้สึกของประชาชน ด้วยการละเลงเงินงบประมาณแผ่นดินอันเป็นภาษีของประชาชนไปใช้อย่างไม่มีเหตุมีผล
นั่นคือการที่รัฐบาลเพื่อไทยได้ออก พ.ร.บ.กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2556 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาแล้วตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.2556
กองทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบแทน ส.ส.-ส.ว.เมื่อสมาชิกภาพได้สิ้นสุดลง จึงกำหนดให้ดึงงบประมาณมาจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาเอาไว้ 6 รูปแบบ
1. การจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ
2. การจ่ายเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล
3. การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพ
4. การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีถึงแก่กรรม
5. การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีการศึกษาบุตร
6. สวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
หากจะเรียกง่ายๆก็คือกองทุนบำเหน็จบำนาญของ “นักการเมือง” ว่างั้นเถอะและยังแถมด้วยสวัสดิการอื่นๆอีกเพียบ
เหตุผลก็คือการตอบแทนคุณความดีของ ส.ส.และ ส.ว.ที่เสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติ กฎหมายฉบับนี้จึงผ่านฉลุยเพราะได้ประโยชน์กันถ้วนทั่ว เป็นความสามัคคีของนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสภาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ไม่ต้องถามว่าประชาชนผู้เสียภาษีจะรู้สึกอย่างไร
เพราะพวกเขาอ้างว่ามาจากประชาชน มาจากการเลือกตั้งจะทำอะไรก็ได้ ยิ่งได้เสียงข้างมากก็ยิ่งมีความชอบธรรมมากกว่าปกติ
ว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็มีเสียงคัดค้านว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเพราะทั้ง ส.ส.-ส.ว.น่าจะสำคัญตัวผิดคิดว่าการทำงานของพวกเขาไม่ต่างไปจากข้าราชการประจำ จึงต้องการค่าตอบแทนเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของพวกเขาแม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว
ทั้งๆที่การเข้ามาทำงานการเมืองของพวกเขานั้นเป็นเรื่องการขันอาสา ไม่มีใครไปบังคับว่าจะต้องเสียสละเข้ามาทำงานการเมือง จึงไม่ควรได้รับผลประโยชน์ในลักษณะนี้
คือแกล้งลืมหรือแกล้งโง่กันแน่
การเข้ามาเล่นการเมืองนั้นนักการเมืองส่วนน้อยที่อาสาเข้ามาก็เพื่อต้องการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศและประชาชนอันนี้ควรจะต้องสรรเสริญ แต่ก็ต้องคิดอีกแง่หนึ่งว่าเมื่อคุณอาสาก็ต้องเสียสละ
แต่นักการเมืองส่วนใหญ่นั้นต้องการอำนาจและผลประโยชน์มากกว่า เป็นนักการเมืองไม่กี่ปีจากฐานะต่ำต้อยกลับกลายเป็น “เทวดา” ร่ำรวยกันอย่างถ้วนหน้า...นี่คืออาชีพที่สร้างเนื้อสร้างตัวได้ภายในพริบตาไม่ได้มีอุดมการณ์แต่อย่างใด
บางคนเข้ามาเป็น ส.ส.-ส.ว.เพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็ต้องตกงานไป ทำไมจึงได้สิทธิอย่างที่ไม่ควรได้อย่างนี้
สำคัญยิ่งก็คือการสร้างปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ทำลายระบบราชการแหลกคามือ ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
การที่ คสช.ได้สั่งให้มีการตรวจสอบและทบทวนในส่วนของกองทุนนี้เสียใหม่ เพราะเห็นว่าเงื่อนไขการจ่ายง่ายเกินไปและเป็นการไม่สมควรที่ควรจะมีกองทุนนี้
ทางที่ดี คสช.ควรจะยกเลิกกองทุนนี้ไปเลยดีกว่าเพราะนักการเมืองเป็นตัวปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองแย่ลงไปทุกวัน แต่ทำไมจะต้องมาได้รับผลตอบแทนอันไม่ควรได้
เป็นการใช้อำนาจเพื่อปรนเปรอพวกเดียวกันอย่างไร้ยางอาย.