หลังจากที่ คสช.เริ่มขยับเก็บกวาดบ้านหลังจากเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ คงได้เห็นปัญหาต่างๆ ที่สั่งสมมานานทั้งที่อยู่ข้างบน และซุกอยู่ใต้พรหม ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกือบทุกๆส่วนสังคม
แม้ในส่วนของกฎกติกาที่เป็นตัวอักษรจะยังพออาศัยได้ แต่เรื่องของ “คน” ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องสร้างจิตสำนึก ค่านิยมกันใหม่
ตรงนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทย
แน่นอนว่าการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการสะสางกันทั้งระบบ แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ก็จะต้องเปิดตาเปิดใจให้กว้างว่าจะทำอย่างไร ตรงไหน เพราะแต่ละส่วนล้วนมีความยึดโยงต่อกันอย่างแยกไม่ออก
การปฏิรูปการเมืองในส่วนที่เกี่ยวกับนักการเมือง ที่จะเข้ามาใช้อำนาจในระบบทั้งเรื่องการใช้อำนาจ และจริยธรรมทางการเมือง ที่จะต้องมีการวางกรอบเพื่อให้ได้คนดีเข้ามาสู่การเมืองที่เป็นปัญหากับการเมืองไทยมาตลอด
ซึ่งประเด็นนี้จะเกี่ยวพันกับระบบการเลือกตั้ง ที่จะต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีการใช้อำนาจอิทธิพลทั้งระดับชาติและท้องถิ่น
พูดง่ายๆว่าจะต้องใช้ “ยาแรง” จริงๆ
เพราะ “นักการเมือง” ที่ผ่านมานั้นไม่ใช่ธรรมดา เรื่องออกแบบวิธีคิดแบบชั่วๆนั้นเก่งกาจกันเหลือเกิน จนไม่น่าเชื่อว่าคนที่จะเข้ามาเพื่อทำหน้าที่สำคัญจะกล้าทำอย่างนั้นได้
ระบบ “ธุรกิจการเมือง” ที่เงินสามารถซื้ออำนาจได้ ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ ได้สร้างความเลวร้ายต่อสังคมการเมืองไทยอย่างเจ็บแสบที่สุด
จัดการให้ออกจากระบบยากที่สุด
อย่างเช่นการเข้ามาสู่อำนาจการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นเห็นชัดเจน แรกๆก็คิดว่าเป็น “เทวดามาโปรด” สร้างบ้านแปงเมืองให้เจริญก้าวไปข้างหน้า
“ผมพอแล้ว ผมรวยแล้ว”
เป็นนะจังงังที่ทำให้คนไทยเกิดการยอมรับ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปอย่างที่เขาประกาศออกมา เนื่องจากเห็นว่าคนรวยระดับมหาเศรษฐีค้ำฟ้า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสวงหาผลประโยชน์อะไรอีกแล้ว
10 กว่าปีจนถึงวันนี้อะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย
บ้านเมืองเละเทะ ทุจริตคอร์รัปชันเบ่งบาน ทัศนคติ ค่านิยมของคนไทยแปรเปลี่ยนไป ความขัดแย้งแตกแยกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทย การใช้อำนาจอย่างไร้จริยธรรมคุณธรรม
แม้ประชาชนคนไทยจะออกมาต่อต้านคัดค้านอย่างมากมายมหาศาล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ยังไม่สามารถสยบพวกเขาได้ เพราะมันกินรากลึกทั้งระดับบนไปถึงระดับล่าง
การปฏิวัติ รัฐประหาร ยึดอำนาจจาก “กองทัพ” ที่เคยคิดกันว่าบ้านเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว ไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาอีก
ที่สุดประเทศไทยก็ต้องกลับมาเจออีกอย่างไม่มีทางเลือก
ก็ต้องเรียกว่า ณ วันนี้บ้านเมืองเราต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมิฉะนั้นคนไทยอาจจะต้องเข่นฆ่ากันเอง เกิดสงครามการเมือง ประเทศล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
การเริ่มต้นใหม่จึงเป็นความคาดหวังว่าจะทำให้ประเทศนี้ลืมตาอ้าปาก ประชาชนกลับมามีรอยยิ้มให้กันได้เหมือนวิถีชีวิตเก่าๆที่เคยมีมา
นี่จึงเป็นบทเรียนสำคัญของประชาชนคนไทยทุกคน.