รัฐบาลเอาจนได้ ในขณะที่ฝ่าย ต่อต้านเผลอหรืออ่อนแรง คณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก ได้ฉวยโอกาสแก้ไขมาตรา 3 ที่เป็นหัวใจของร่างกฎหมาย เปิดช่องทางให้นิรโทษกรรมแบบสุดซอย รวมทั้งล้างความผิดให้อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และให้ได้คืนทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ถูกยึดด้วย

รัฐบาลยืนกรานมาโดยตลอดว่า สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ ส.ส.วรชัย เหมะ ที่ให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนผู้ถูกกล่าวหากระทำผิด ในการรวมชุมนุมทางการเมือง แต่ไม่ให้นิรโทษกรรมระดับแกนนำ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ขณะเดียวกัน ก็ใช้วิธีลับลวงพรางและสับขาหลอกอย่างต่อเนื่อง

ร่าง พ.ร.บ.ของนายวรชัยจึงผ่านสภาผู้แทนราษฎร ในลักษณะที่ค่อนข้างราบรื่น เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะฝ่ายคัดค้านตายใจ เมื่อถึงขั้นคณะกรรมาธิการ รัฐบาลจึงแก้ไขให้สุดซอย แต่บรรดาคอการเมืองทั้งหลายคงจะไม่แปลกใจ เพราะรู้ว่าเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลคือ “นำทักษิณกลับบ้าน” อย่างเท่ๆ โดยทุกวิถีทาง ทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญและออก ก.ม.นิรโทษกรรม

ผลของการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ใช้วิธีการหักดิบ ใช้เสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการ 18 ต่อ 5 เสียง เอาร่างของ ส.ส.คนอื่นมาแทนร่างของนายวรชัย จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิดจากคดีทั้งปวง รวมทั้งคดีที่ศาลสั่งจำคุก 2 ปี คดีซื้อที่ดินรัชดา คดีปล่อยกู้พม่า 4 พันล้านบาท เพื่อนำเงินกู้มาซื้อสินค้าบริษัทครอบครัว และคดีแปลงสัมปทานโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ครอบครัว

ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้ระงับการดำเนินคดี การสอบสวน และการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด คดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว ก็ให้ถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษา ถ้าอยู่ในระหว่างรับโทษก็ให้สิ้นสุดลง และเชื่อว่าจะได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเพื่อไทยคุมเสียงข้างมาก และผ่านวุฒิสภาที่รัฐบาลได้สร้างพันธมิตรไว้ ด้วยการต่างตอบแทน

สัญญาณที่แสดงว่ามีการสร้างพันธมิตรกันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างรัฐบาลกับ ส.ว.เลือกตั้ง (ส่วนใหญ่) คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องวุฒิสภา ให้ ส.ส.หรือสมาชิกพรรคสมัครเป็น ส.ว.ได้ทันที และให้ ส.ว.ปัจจุบันสมัครอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำกัดสมัยและไม่ต้องเว้นวรรค  เป็นปฏิบัติการต่างตอบ แทน หรือ “ผลัดกันเกาหลัง” ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเมืองไทยใหญ่หลวงในอนาคต

หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้กลยุทธ์ลับลวงพราง และสับขาหลอกมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ แต่จะไป ได้จนสุดซอยหรือไม่? จะต้องติดตามดูกันต่อไป ในขณะที่มีหลายกลุ่มชุมนุมต่อต้านรัฐบาล การเมืองต่อไปนี้จะร้อนแรงยิ่งขึ้นหรือไม่? และเวทีปฏิรูปปรองดองที่นายกรัฐมนตรีเชิญชวนทุกฝ่ายเข้าร่วม จะไร้ความหมายหรือยังเดินหน้าต่อไปได้.

...