“อภิสิทธิ์” ชู 27 นโยบายหาเสียงพรรคประชาธิปัตย์ ยึดม็อตโต้ “ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น” ย้ำ 4 เสาหลัก โว แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ปลดล็อกความยากจน เหน็บ “ก่อนพูดแล้วทำ ต้องคิดก่อน และต้องทำได้จริง”
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2568 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช และ ดร.การดี เลียวไพโรจน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ร่วมเปิดตัวกรอบนโยบายที่จะใช้ในการรณรงค์หาเสียงในคอนเซปต์ “ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคชูนโยบายแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ภายใต้ 4 เสาหลัก 27 นโยบาย ซึ่งตรงกับหมายเลขประจำพรรคเบอร์ 27 มุ่งปลดล็อกความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาปากท้องที่ประชาชนต้อง “ทน” สะสมมานาน ตั้งเป้าขับเคลื่อนประเทศให้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา เพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) เฉลี่ย 5% ภายใน 4 ปี
...
เสาที่ 1 “หายจนรายได้” เน้นยกระดับรายได้เกษตรกรและแรงงาน ด้วยการประกันรายได้พืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ควบคู่กลไก “รัฐช่วยจ่ายส่วนต่าง” ให้แรงงานตามค่าครองชีพรายจังหวัด ลดค่าไฟโดยไม่ใช้งบภาษี สนับสนุนพลังงานสะอาด ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานอาเซียน เพิ่มรายได้รัฐจากค่าผ่านทางสายส่งไฟฟ้า รวมถึงมาตรการลดภาษีเงินได้ 40,000 บาทแรก และกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้า-รถเมล์สูงสุด 30 บาทต่อเที่ยว
เสาที่ 2 “หายจนใจ” มุ่งเสริมหลักประกันชีวิตทุกช่วงวัย ตั้งแต่เงินอุดหนุนแม่และเด็กเดือนละ 5,000 บาทในปีแรก การออมให้เด็กไทยตั้งแต่แรกเกิด เบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้า 1,000 บาทต่อเดือน โครงการปรับปรุงบ้านผู้สูงวัย บ้านละ 50,000 บาท การแปลงบ้านเป็นเงินเลี้ยงชีพอยู่ได้ตลอดชีวิต การเร่งรัดบริการทำฟันผู้สูงอายุ และการเพิ่มเบี้ยคนพิการเป็นสองเท่า
เสาที่ 3 “หายจนปัญญา” ปรับระบบการศึกษาเป็นแบบยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้เอง ผ่านธนาคารหน่วยกิตและแพลตฟอร์มดิจิทัล สนับสนุนคูปองการศึกษา 3,000 บาทต่อปี แก้ปัญหาค่าใช้จ่ายแฝงในโรงเรียนขนาดเล็ก จัดหางานเพื่อชำระหนี้ กยศ. และยกระดับทักษะภาษา–ดิจิทัลด้วยแพลตฟอร์ม Learn to Earn และ National Digital Learning Platform
เสาที่ 4 “หายจนตรอก” เน้นปฏิรูประบบรัฐด้วยดิจิทัล One-ID และ Citizen Wallet เปิดข้อมูลรัฐ (Open Data) ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างด้วย AI ให้โอกาสสินค้าไทยและ SMEs ตัดกฎหมายล้าสมัยด้วย Super Act ยกระดับการรับมือภัยพิบัติ ระบบเตือนภัยเดียวถึงหลายหน่วย เร่งแก้ปัญหา PM 2.5 ปราบยาเสพติดครบวงจร และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มอเตอร์เวย์สี่ทิศ รถไฟความเร็วสูง เชื่อมไทยสู่ภูมิภาค
นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ 27 ข้อ ทำให้ “ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น”
1. ประกันรายได้จ่ายทันที
สนับสนุนต้นทุนการผลิตตั้งแต่ต้นฤดูกาลไร่ละ 1,000 บาท ประกันรายได้ 10,000 บาท จ่ายทันทีต้นฤดูกาลไร่ละ 1,000 บาท เก็บเกี่ยว จ่ายที่เหลือ
- ข้าว (5ชนิด) ประกันรายได้ 10,000 บาทต่อตัน (ไม่เกิน 20 ตันต่อราย)
- ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ 15,000 บาทต่อตัน (ไม่เกิน 20 ตันต่อราย)
- ยางพารา ประกันรายได้ 60 บาท/กิโลกรัม
- มันสำปะหลัง ประกันรายได้ 2.50 บาท/กิโลกรัม (ไม่เกิน 100 ตันต่อราย)
- ปาล์มน้ำมัน ประกันรายได้ 4 บาท/กิโลกรัม
- ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประกันรายได้ 8.50 บาท/กิโลกรัม
2. ประกันรายได้แรงงาน
ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานด้วยกลไก “รัฐช่วยจ่ายส่วนต่าง” จัดทำดัชนีค่าครองชีพรายจังหวัด ถ้าค่าครองชีพสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ รัฐจ่ายส่วนต่างทันที แก้ปัญหาปากท้องที่ “แม่นยำ” หยุดเงินเฟ้อจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ลดแรงกดดันผู้ประกอบการไม่ต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามนโยบายค่าแรงขั้นต่ำประชานิยมที่บังคับจริง ไม่ได้ เพราะค่าแรงขั้นต่ำเกิดจากการประชุม รัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง นอกจากนี้ยังช่วยคุมต้นทุนของผู้ประกอบการรายย่อย แรงงานมีงานทำ ดึงแรงงานเข้าระบบ โดยไม่ทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
3. ลดค่าไฟ ไม่ใช้เงินภาษี
บริหารต้นทุนการผลิตไฟ ลดการใช้ “ก๊าซธรรมชาติเหลว”ที่มีต้นทุนแพง แทนที่ด้วยพลังงานที่ประหยัดกว่าการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากหลังคาบ้านประชาชน ด้วยระบบผลิตไฟใช้เองเหลือขายให้การไฟฟ้าฯ ไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากลาว
4. ประเทศไทย ศูนย์กลางพลังงานสะอาดแห่งเอเชีย
เป็นศูนย์กลางระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน ASEAN Power Grid ได้ค่าผ่านทางจากลาวไปมาเลเซีย สิงคโปร์ปีละ 5,000 ล้าน ต่ออายุโรงไฟฟ้าที่หมดสัมปทาน เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าความพร้อมใช้ เป็นกำลังสำรองราคาถูก สร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ กำหนดแผนการที่สามารถทำได้จริง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ขยายโอกาสให้ธุรกิจ สร้างงานที่ดี
5. พัฒนาตำรา ปลูกป่าได้เงินเดือน
เปลี่ยนเกษตรกรเป็นมนุษย์เงินเดือน ปลูกป่านำมาให้สถาบันการเงินออกพันธบัตรป่าไม้ ระดมทุนมาลงทุนในป่าไม้ยืนต้น เงินจากการขายพันธบัตรนำมาจ้างเกษตรกรเป็นรายเดือน
6. เงินได้ 40,000 บาทแรกไม่เสียภาษี
ปัจจุบันผู้มีรายเดือนละ 26,583 บาทหรือเงินได้สุทธิปีละ 150,000 บาทไม่ต้องจ่ายภาษี (อัตรา 0%) ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานมาก ขัดกับสภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เพิ่มทุกปี ดังนั้นจึงเพิ่มจำนวนเงินได้สุทธิขั้นต่ำ (รายได้รวม หักค่าใช้จ่าย หักค่าลดหย่อน) ที่ไม่ต้องเสียภาษีเป็น 320,000 บาทต่อปี หรือคิดเป็นเงินเดือนเดือนละ 40,750 บาท เพื่อให้ผู้ที่เริ่มทำงานใหม่ และประชาชนที่มีรายได้น้อย ได้ลดภาระค่าภาษี สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจากกำลังซื้อของผู้มีเงินเดือนต่ำกว่า 40,000 บาทหลายล้านคน
7. รถไฟฟ้า+รถเมล์ จ่ายสูงสุด 30 บาท
คำนวณค่าโดยสารเป็นแบบเขตพื้นที่ Zoning โดยการเดินทางภายในเขตพื้นที่ราคาไม่เกิน 30 บาทต่อเที่ยว ผู้โดยสารที่เดินทางระยะไกล จะจ่ายค่าโดยสารลดลงให้มีระบบตั๋วร่วมของระบบรถไฟฟ้า และรถประจำทาง โครงการนี้รัฐจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนต่างให้ประชาชน
8. สลากออมทรัพย์รายจังหวัด “โชคดี ทั่วกัน”
ให้มีการออกสลากการออมโดยออกเป็นรายจังหวัด จังหวัดละ 100,000 ใบ โดยกำหนดรางวัลที่หนึ่งจังหวัดละ 1,000,000 บาทต่องวด 77 ล้านบาทต่องวด โดยเงินที่ประชาชนใช้ซื้อสลากเมื่อหักค่าใช้จ่ายในการออกรางวัล สามารถนำมาสะสมในกองทุน
9. โอบอุ้มคุณแม่ ดูแลลูกน้อย
ให้เงินอุดหนุนมารดาและเด็กเดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน โดยเป็นเงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้าทันทีตั้งแต่รับใบสูติบัตร ไม่ต้องพิสูจน์ฐานะ รัฐสนับสนุนเงินออมให้กับเด็กไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 18 ปี เดือนละ 500 บาท เพื่อให้เด็กทุกคนมีเงินออม โดยเงินออมนี้ถ้าเก็บในบัญชีเงินออมโดยไม่ถอนจะได้รับเงินเพิ่มพิเศษทุก 5 ปี ครั้งละ 10,000 บาท
10. เบี้ยคนชราถ้วนหน้า 1000
เพิ่มเบี้ยคนชราทุกคนตั้งแต่อายุ 60 ปี คนละ 1,000 บาทต่อเดือน
11. 50,000 บาท บ้านผู้สูงวัยปลอดภัย
ให้งบประมาณซ่อมและปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 70 ปี บ้านละ 50,000 บาท เช่นการทำราวจับ การลดขั้นบันได การปรับปรุงห้องน้ำ เพื่อลดอุบัติเหตุ สะดวก ปลอดภัย ลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาลระยะยาว
12. แปลงบ้านผู้สูงวัย เป็นเงินเลี้ยงชีพ อยู่ฟรีตลอดชีวิต
รัฐจ่ายเงินซื้อบ้านผู้สูงอายุด้วยการจ่ายล่วงหน้า ยังอยู่อาศัยได้จนเสียชีวิต ราคาบ้านที่ซื้อ คิดส่วนลดจากราคาประเมิน โดยรัฐจ่ายค่าบ้าน 4 งวด งวดละ 1 ปี ให้โอกาสทายาท ซื้อคืนด้วยราคาเดิม ไม่คิดค่าโอน
13. ทำฟันผู้สูงวัย Fasttrack
ผู้สูงอายุเกิน 70 ปี ไม่ต้องรอคิวทำฟันนาน ให้มีการสำรองเวลานัดหมายทันตแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ เพราะสุขภาพฟันทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น
14. เบี้ยคนพิการ x2
เพิ่มรายได้ขั้นต่ำสำหรับผู้พิการจาก 800 บาทต่อเดือนเป็น 1,600 บาทต่อเดือน ส่วนผู้พิการอายุน้อยกว่า 18 ปีได้รับจาก 1,000 บาทต่อเดือนเป็น 2,000 บาทต่อเดือน
15. บุฟเฟต์การศึกษา เรียนสิ่งที่อยากเรียน
หลักสูตรการศึกษาหลักสูตรยืดหยุ่น มีอิสระ(Flexible Curriculum) ผู้เรียนสามารถออกแบบหลักสูตรได้ด้วยตนเอง เชื่อมโยงการศึกษานอกระบบเข้าสู่ในระบบ ด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) และ Skill Wallet เยาวชนและประชาชนทั่วไปสามารถเรียนรู้และสะสมหน่วยกิตจากหลายช่องทาง (Credit Bank) สามารถเรียนข้ามหลักสูตรในสถานศึกษาต่างๆ เรียนรู้จาก Platform ที่เอกชนสร้างขึ้นเช่น Appสอนภาษา สอนเทคโนโลยี จัดให้มีคูปองการศึกษา รัฐสนับสนุนคูปองการศึกษา ให้ประชาชนนำไปเลือกเรียนทักษะที่ต้องการในหลักสูตรระยะสั้นที่ผ่านการรับรองเพื่อเพิ่มรายได้ สนับสนุนรายละ 3,000 บาทต่อปี
16. เรียนฟรี ต้องฟรีจริง
แก้ปัญหา “ค่าใช้จ่ายแฝง” ที่เป็นภาระหนักของผู้ปกครอง โดยเฉพาะค่าเดินทางและค่าอาหาร ส่งเสริมให้ท้องถิ่น ชุมชนมีส่วนร่วมในการลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ให้งบประมาณที่เพียงพอ ไม่จ่ายรายหัว สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กและกลุ่มเด็กขาดโอกาส ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดอาหารกลางวัน และการเดินทางของเด็ก
17. หางานให้ ใช้หนี้ กยศ.
เปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืม กยศ. สามารถทำงานบางประเภท และได้เงินอุดหนุนจากรัฐลดเงินที่กู้จากกองทุนฯได้ เช่น งานบริการสังคม งานที่ขาดคน งานดูแลผู้สูงอายุติดเตียง
18. English for All / แพลตฟอร์ม Learn to Earn NDLP
แก้เหลื่อมล้ำ มีครูเจ้าของภาษาให้เด็กไทยทุกคน, แพลตฟอร์ม Learn to Earn ที่ทำเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน ในการกำหนดหลักสูตรที่ใช่และตอบโจทย์ภาคเอกชน สามารถจับคู่ทักษะของผู้จบหลักสูตรที่ตรงกับความต้องการของตลาด, National Digital Learning Platform แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ
19. ราชการในมือถือ digital government
เทคโนโลยี One-ID ยืนยันตัวตนเพียงครั้งเดียว ลดความซ้ำซ้อนในการกรอกข้อมูล เข้าถึงบริการภาครัฐและเอกชนจากโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดาย 24 ชั่วโมง ทุกวัน ประหยัด ไม่เสียเวลา ไม่ต้องใช้สำเนากระดาษ, เทคโนโลยีกระเป๋าเงินดิจิทัลประชาชน Citizen Wallet จัดเก็บข้อมูลสำคัญที่เดิมต้องเก็บในรูปแบบเอกสารให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงจัดเก็บสิทธิประโยชน์ สวัสดิการที่รัฐมอบให้แก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ตรงวัตถุประสงค์ และมีประสิทธิภาพ, ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ (GDX) (Government Data Exchange) ทำหน้าที่เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานทุกหน่วยงานของรัฐ และแชร์ข้อมูลให้ประชาชนเจ้าของข้อมูล
20. Open Data ข้อมูลภาครัฐ
ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐเป็นแบบดิจิทัล Machine-Readable และเป็นข้อมูลสาธารณะเพื่อให้ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบได้, ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจจับความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น วิเคราะห์การกำหนดสเปค การเสนอราคาที่ผิดปกติ การเสนอสินค้า หรือบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ตรงตามความต้องการ, ระบบติดตามงบประมาณตามพื้นที่ ให้ประชาชนสามารถกดติดตามโครงการของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ของตัวเอง ให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะโครงการ เช่น การขยายสัญญา การส่งมอบงาน การจ่ายเงิน, ต้องจัดทำรายงานประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ เช่น ตารางสรุปมูลค่างานที่บริษัทได้สัญญาภาครัฐ โครงการที่ล่าช้าผิดปกติ ฯลฯ โดยจะออกระเบียบให้ทุกหน่วยงานส่งข้อมูลงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจรับงานไปยังสำนักงานงบประมาณของรัฐสภา เพื่อเป็นผู้จัดทำรายงานดังกล่าว, ปราบสแกมเมอร์ 360 องศา
21. จัดซื้อจัดจ้างให้โอกาส SMEs ไทย Made in Thailand First
ปรับเกณฑ์การคัดเลือก แหล่งกำเนิด ก่อนราคาถูกที่สุด เพิ่มคะแนนผลประโยชน์การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ, บังคับใช้สัดส่วนจัดซื้อจัดจ้างสินค้าไทย ให้สิทธิสินค้า MiT เสนอราคาสูงกว่าคู่แข่งต่างประเทศได้, ออกแบบสัญญาที่ลดความเสี่ยงให้กับ SME เช่น การแบ่งจ่ายงวดงานที่เร็วขึ้น หรือการลดวงเงินค้ำประกันสัญญาสำหรับสินค้าผลิตในไทย, รัฐร่วมทุนกับเอกชนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีสูง
22. ตัดตอนทุนผูกขาด สลายด้วย Super Act
ร่างกฎหมาย “พระราชบัญญัติการปรับปรุงและยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็น” เป็นกฎหมายแม่บท เพื่อเริ่มต้นปฏิรูปกฎหมาย โดยไม่ต้องแก้ทีละฉบับให้เสียเวลา สามารถออกแบบระบบกฎหมายตามวิสัยทัศน์ และฉากทัศน์ใหม่ของประเทศ
23. บทเรียนชาติใหม่ ประเทศไทยพร้อมเผชิญกับภัยพิบัติ
พัฒนาระบบเตือนภัยใหม่ แจ้งครั้งเดียว ถึงหลายหน่วย (Single Disaster Center) ช่วยชีวิตได้จริง, ยกระดับกรมป้องกันภัยเป็นหน่วยงานระดับชาติ กำหนดแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ต่อสัญญาณเตือนรูปแบบต่างๆ, ใช้เทคโนโลยีพยากรณ์การระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวาง เพิ่มประสิทธิภาพการระบาย สร้างระบบแก้มลิง หลุมขนมครก ดักทางน้ำหลาก, จัดให้มี “สถาบันนักวิทยาศาสตร์ด้านภัยพิบัติ” เพื่อกำหนดรูปแบบภัยพิบัติและแนวทางการเตือนภัย ที่สามารถสื่อสารถึงภัยที่กำลังเกิด ให้ประชาชนสามารถเข้าใจและรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละคำเตือน ระบบนี้จะเชื่อมกับการแจ้งเตือนแบบท้องถิ่น (Local Alert – L-Alert Thailand) ที่สามารถเจาะจงการเตือนภัยได้ในระดับหมู่บ้าน
24. แก้ปัญหา PM 2.5 เร่งกฎหมาย 3 ฉบับ เฝ้าระวังเข้มงวด ใช้มาตรการจูงใจ และลงโทษ
ให้มีการเฝ้าระวังเข้มงวดพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา พื้นที่ปล่อยควันพิษ, ใช้มาตรการจริงใจ และลงโทษ, เร่งกฎหมาย 3 ฉบับ 1) พ.ร.บ.อากาศสะอาด 2) พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3) พ.ร.บ.เศรษฐกิจหมุนเวียน
25. บำบัด ปราบ ป้องกัน ยาเสพติด/สแกมเมอร์
แยกผู้เสพออกจากผู้ขาย ตั้งแต่ขั้นตอนจับกุมและดำเนินคดี ขยายศูนย์บำบัดและฟื้นฟูให้เพียงพอ เข้าถึงง่าย ครอบคลุมทุกพื้นที่, เพิ่มเงินสินบนและรางวัลนำจับพิเศษสำหรับการจับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่, “ดัชนีพื้นที่เสี่ยง” ให้มีการจัดทำข้อมูลแสดงบนแผนที่ (Spatial data) ประเมินความรุนแรงของสถานการณ์ยาเสพติดตามรายพื้นที่อย่างละเอียด, จับมือกองทัพปราบปรามเส้นลำเลียง
26. ทหารอาสา 4 ปี เรียนฟรีอนุปริญญาขึ้นไป ปลดประจำการมีงานให้
รับสมัครทหารอาสา โดยสามารถรับราชการได้ 4 ปี มีสวัสดิการเหมือนข้าราชการทหารประจำการ, ทหารอาสาสามารถเพิ่มวุฒิการศึกษาระหว่างเป็นทหารอาสาได้ ให้กองทัพเพิ่มโอกาสให้กำลังพลส่วนนี้สามารถรับการศึกษาควบคู่ไปกับการรับราชการทหาร ตั้งแต่ระดับอนุปริญญาขึ้นไป, 1 ครอบครัว 1 ทหารอาสา 1 อาชีพ หลังปลดประจำการ, เมื่อเป็นทหารอาสาครบกำหนดแล้ว สามารถสอบบรรจุเข้าเป็นข้าราชการ หรือพนักงานของรัฐ ในหน่วยงานต่างๆ ได้ โดยกองทัพจะขอสัดส่วนตำแหน่งงานพิเศษสำหรับทหารอาสาที่ปลดประจำการ เช่น นายสิบทหาร นายสิบตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป้องกันภัย เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ
27. มอเตอร์เวย์ ลิฟต์ / รถไฟความเร็วสูง เชื่อมไทยเชื่อมโลก
ถนนมอเตอร์เวย์ สี่ทิศทั่วประเทศ กรุงเทพ - เชียงราย, กรุงเทพ - สะเดา, กรุงเทพ - ตราด, กรุงเทพ - กาญจนบุรี, กรุงเทพ - หนองคาย, กรุงเทพ - อุบลราชธานี ขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง นครราชสีมา – หนองคาย เชื่อมต่อกับประเทศลาว และเส้นทางจากประเทศลาวสู่ประเทศจีน โดยจะมีสะพานรถไฟไทย–ลาวใหม่ และระบบรองรับการข้ามแดน ศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กรอบนโยบายดังกล่าวจะขับเคลื่อนโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ โดยย้ำแนวคิด “พูดแล้วต้องทำได้จริง” เพื่อพาประเทศไทยหลุดพ้นจากภาวะทนหายใจ สู่ไทยหายจนอย่างยั่งยืน “วันนี้มีคนพูดนโยบายเยอะแยะ บางคนสัมผัสว่าไม่ใช่แค่พูดนะ แต่พูดแล้วทำมันไม่พอหรอกครับ เพราะต้องคิดก่อนพูด และพูดแล้วต้องทำเป็นนะ พวกเราทำเป็นครับ”