“อภิสิทธิ์” นำทีมแคนดิเดตนายกฯ ปชป. ลุ้นหมายเลขพรรค บอกอยากได้เบอร์ที่ประชาชนเลือก โต้คนว่าดีแต่พูด ขอ ปชช. ช่วยสั่งสอนพวกทุนเทา ผ่านการเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69
วันที่ 28 ธันวาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยอีก 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ นายกรณ์ จาติกวณิช และ นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค นำทีมผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาเพื่อรอการจับสลากหมายเลขพรรค
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้พร้อมเต็มที่ ทั้ง 3 แคนดิเดตนายกฯ และนโยบายพรรค มั่นใจว่าจะเปลี่ยนประเทศได้ ส่วนเบอร์ที่อยากได้ อยากได้เบอร์ที่ประชาชนเลือก เบอร์ที่ประชาชนจำได้เลือกได้ และในวันพรุ่งนี้ 29 ธันวาคม เวลา 10.00 น. แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้ง 3 คน จะแถลงให้เห็นว่า ไทยหายจนได้ ด้วยคนที่ทำเป็น เปิดแนวคิดนโยบายต่างๆ ให้ครบทุกมิติที่พรรคประชาธิปัตย์
ส่วนนโยบายหลัก ย้ำว่าต้องทำบ้านเมืองให้สุจริต ใช้เครื่องมือ เทคโนโลยีแก้ปัญหาประชาชน ขณะที่นโยบายเฉพาะหน้า การแก้ปัญหา เงินฝืด, หนี้สิน, กลุ่มเปราะบาง ก็มีควบคู่ แต่ต้องช่วยกันผลักดันโครงสร้างที่จะมาช่วยเศรษฐกิจ และปรับบทบาทภาครัฐใหม่ทั้งหมด ขณะที่เรื่องการปราบทุนเทา ตนเองชัดเจนกว่าทุกคน
นายอภิสิทธิ์ยังย้ำว่ากระแสพรรคในภาคใต้ที่ผ่านมา 2 เดือนได้รับการตอบรับดีมากทั้งจากคนที่เคยสนับสนุนและคนรุ่นใหม่ ตอนนี้พยายามสื่อสารกับประชาชนว่าถ้าอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปทำงาน ต้องเลือก สส.เขต ด้วย ส่วนที่มีบ้านใหญ่ย้ายไปพรรคอื่น ถามว่ากังวลไหม นายอภิสิทธิ์บอกว่า บ้านใหญ่ไม่ใหญ่เท่าประชาชน
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับไทยรัฐทีวีว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนที่สุดในการประกาศชัดว่าเราร่วมกับใคร, ไม่ร่วมกับใคร ส่วนเงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ก็ย้ำหลายครั้งว่าไม่เอาเรื่องทุนเทา ไม่สร้างความแตกแยก ไม่แตะ ม.112 จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวว่าชอบใครไม่ชอบใคร แต่อยากให้ตรงไปตรงมา พูดกันให้ชัด ๆ
...
นายอภิสิทธิ์ บอกว่า มีคนชอบว่าผมดีแต่พูด ผมเห็นวาทกรรมเยอะไปหมด แต่เวลาถูกถามก็ไม่พูดอะไรชัด ๆ แล้วก็ไปแอบทำข้อตกลงกัน ไม่เบื่อเหรอ พร้อมย้ำว่า คนที่ปราบทุนเทาได้ คือประชาชนที่จะออกไปเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ขอให้ประชาชนสั่งสอนคนพวกนี้หน่อย
ขณะที่นายกรณ์บอกว่า ตอนที่เราออกมาพูดเรื่องทุนเทา ปฏิเสธการทุจริต เป็นสิ่งที่ประชาชนเข้าใจง่ายที่สุด เพราะช่วงที่ผ่านมา การแก้เรื่องคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอ และโดนใจประชาชน
ช่วงหนึ่ง มีการถามนายสาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ไม่ผ่านกระบวนการสรรหาเป็นผู้สมัคร สส. กทม. จนย้ายไปอยู่พรรคทางเลือกใหม่ โดยนายสาธิตระบุว่า ทุกอย่างมีกระบวนการคัดสรร เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของพรรค และทราบว่า นายมงคลกิตติ์ ถอนตัวเอง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์เสริมต่อว่า ขอบคุณคนที่ไม่ได้รับคัดเลือกแต่ยังช่วยงานพรรคต่อ และผู้ใหญ่บางคนในบัญชีรายชื่อก็ขอไปอยู่ลำดับ 90 ขึ้นไป เพื่อให้คนรุ่นใหม่ทำงาน ซึ่งการไปอยู่ลำดับท้าย โอกาสยากมากที่จะได้ ถ้าไม่เกิดโรคระบาดแล้วพรรคหายหมด พร้อมยกตัวอย่าง นายชวน หลีกภัย ที่ประสงค์จะขอไปอยู่หลังลำดับ 10 ก็ได้ เพื่อเป็นตัวอย่าง เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ แต่ตนเองและกรรมการบริหารพรรคปรึกษากันแล้วว่าไม่เหมาะ เพราะท่านเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี จึงให้ท่านชวนอยู่ในลำดับที่ 2
ส่วนกรณีการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องการรวบรวมเสียงข้างมาก โดยปกติพรรคที่ได้อันดับ 1 ก็จะได้รับการสนับสนุน แต่ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่ถ้าทุกพรรคสงวนท่าทีก็เป็นพรรคอันดับ 1 ที่จะไปเชิญชวน ขออย่าเพิ่งรีบพูด เพราะเหลืออีก 40 กว่าวัน
ทางด้านนายชวน หลีกภัย ซึ่งเข้ามาร่วมฟังการสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ได้ตอบคำถามกรณีที่ตนเองประสงค์ไปอยู่ลำดับที่ 11 ในบัญชีรายชื่อว่า ตนขอไปอยู่ลำดับที่ 11 แต่หัวหน้าพรรคและ กก.บห. ไม่ยอม ก็เลยเป็นอันดับที่ 2 พร้อมระบุว่า อยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ นายชวนบอกว่า เที่ยวที่แล้วเราได้บัญชีรายชื่อ 3 คน เที่ยวนี้ น่าจะได้มากกว่า 4 คน
ส่วนการร่วมงานกับพรรคไหน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดไปแล้ว พร้อมระบุว่ารัฐบาลนี้ย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ทางการเมืองจำนวนมาก ก็อยากให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง อยากให้ทุกคนอย่าไปเป็นเครื่องมือ