กกต. ลั่นคุมเข้มหาเสียงใช้โซเชียลฯ ใส่ร้าย เจอโทษหนักกว่าหมิ่นประมาท ยันพร้อมรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ-แคนดิเดตนายกฯ พรุ่งนี้ พร้อมสรุป 7 วันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า - นอกราชอาณาจักร คนลงทะเบียนแล้ว 577,633 คน


วันที่ 27 ธ.ค. 2568 เมื่อเวลา 15.00 น. โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การเตรียมการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 2-4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ ขั้นตอนการรับสมัครจะแบ่งออกเป็น 5 จุด โดยจุดที่ 1 ตรวจเช็กเอกสาร จุดที่ 2 จับสลากหมายเลขพรรคการเมืองสำหรับใช้หาเสียงและลงคะแนน จุดที่ 3 ชำระเงินค่าธรรมเนียมการสมัคร จุดที่ 4 ออกใบรับสมัคร และจุดที่ 5 ตรวจรับเอกสารนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง


จากนั้น นายแสวง บุญมี เลขาธิการ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ภาพรวมวันแรกของการเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ ทั้ง 400 เขตไม่มีเหตุผิดปกติอะไร ส่วนการเตรียมความพร้อมการรับสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 28 ธ.ค. ทางสำนักงาน กกต. ได้เตรียมทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่จะรับสมัคร และพรรคการเมือง โดยมีการซักซ้อมว่า ขั้นตอนเอกสารที่จะใช้สมัครมีอะไรบ้าง ซึ่งบางพรรคการเมืองทยอยส่งมาให้ กกต. ตรวจสอบไปบ้างแล้ว และจะมีการตรวจสอบเอกสารที่ใช้ประกอบในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ จนเสร็จ โดยจะตรวจเฉพาะพรรคการเมืองที่มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08:30 น. ซึ่งถ้ามีเอกสารครบถ้วนก็จะให้มาจับสลากได้ ทั้งนี้ คิดว่าภาคเช้าคงใช้เวลาไม่นาน และการรับสมัครคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

...


เมื่อถามว่ามีการนำบทเรียนของการรับสมัครครั้งที่แล้วมาแก้ไขปัญหาอย่างไรหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ในรอบที่แล้วมีความไม่เรียบร้อยบางส่วน ในเรื่องของการให้เบอร์ผู้สมัครทำให้การรับสมัครล่าช้า พรรคเสียเวลาในการที่จะนำเบอร์ไปหาเสียง ครั้งนี้จึงได้มีการแก้ไขในจุดนี้แล้ว หมายความว่าถ้าเราตรวจสอบพรรคที่มีเอกสารครบถ้วนแล้ว และมาจับสลากถ้าจับได้เบอร์อะไรก็จะใช้เบอร์นั้นหาเสียง 



นายแสวง กล่าวว่า ตอนนี้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแบบเต็มตัวและมีการออกเสียงประชามติควบคู่ไปด้วย การที่จะทำให้การเลือกตั้งเรียบร้อย ไม่ได้อยู่ที่ กกต. เท่านั้น แต่อยู่ที่ผู้สมัคร ผู้สนับสนุนด้วย มีการใส่ร้ายทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งผิดกฎหมาย และ กกต. จะเข้มงวดขึ้น เรามีศูนย์ตรวจสอบการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นจึงย้ำว่าจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร ผู้สนับสนุน หรือประชาชนจะไปใส่ร้ายไม่ได้ อำนาจของ กกต. ตรงนี้ คือสามารถลบข้อความที่ใส่ร้ายเหล่านั้นได้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง ให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครทุกพรรคการเมืองไม่ให้ถูกใส่ร้ายโดยไม่ต้องรอให้มีผู้มาร้องเรียน หรือผู้สมัครที่เห็นว่าเสียหายจากการนี้ก็สามารถมายื่นต่อ กกต. ได้ ในส่วนของ กกต. ก็จะตรวจสอบในแต่ละวัน ถ้าโซเชียลมีเดียต่างๆ ว่ามีการใส่ร้าย เราจะดำเนินการ 1. การคุ้มครองผู้สมัครด้วยการลบข้อความนั้นออก 2. ตามหาว่าใครเป็นคนทำ เป็นคนโพสต์ ก็จะมีความผิดต้องดำเนินคดี ดังนั้น ขณะนี้ทาง กกต. ได้มีการขอความร่วมมือไปยัง TikTok Facebook LINE มาทำความตกลงร่วมกันว่าเราจะดำเนินการเรื่องนี้ออกมาให้เกิดประสิทธิภาพอย่างไร เพื่อทำให้การแข่งขันเป็นธรรม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 



“อยากฝากถึงประชาชนจะโพสต์อะไร ที่เป็นการผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ขอให้ระมัดระวัง ตามมาตรา 73(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มีโทษตามมาตรา 159 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ของผู้นั้น กำหนด 20 ปี ดังนั้น โทษหนักกว่าการหมิ่นประมาท” นายแสวง กล่าว



ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงเรื่องการทำประชามติหากประชาชนไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงจะทำให้เสียสิทธิ์เหมือนการไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ทั้งตามกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายออกเสียงประชามติ ถ้าไม่ไปใช้สิทธิ์ก็จะเสียสิทธิ์ทั้งสองกฎหมาย เพียงแต่เงื่อนไขในการไปแจ้งเหตุแตกต่างกันเล็กน้อย โดยกรณีการไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สส. สามารถแจ้งเหตุการณ์ไม่ไปใช้สิทธิ์ได้ ก่อน 7 วัน และหลัง 7 วันหลังการเลือกตั้ง ส่วนการออกเสียงประชามติ หลังมีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์แล้ว สามารถแจ้งเหตุได้เลย และเมื่อถึงวันออกเสียงหากไม่ไปก็ยังมีเวลา 7 วัน ในการแจ้งเหตุ


สรุป 7 วันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า - นอกราชอาณาจักร คนลงทะเบียนแล้ว 577,633 คน


นอกจากนี้ สำนักงาน กกต. สรุปยอดจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร รวม 7 วันของการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 20-26 ธันวาคม 2568 รวมจำนวน 577,633 คน พบว่ามีผู้ขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง จำนวน 1,759 คน / มีผู้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต จำนวน 528,816 คน และมีผู้ขอลงคะแนนออกเสียงนอกราชอาณาจักร จำนวน 47,058 คน


สำหรับการเปิดให้ประชาชนที่มีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถไปออกเสียงเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ หรือประชาชนที่อยู่นอกราชอาณาจักร รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติการในวันเลือกตั้ง สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2568 - 5 มกราคม 2569


สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว เปลี่ยนใจหรือไม่สะดวกจะไปใช้สิทธิในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 เนื่องจากไม่สามารถออกเสียงประชามติล่วงหน้าได้ เพื่อจะได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งพร้อมกับการออกเสียงประชามติ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569