บ้านเทียนทอง ตระกูลการเมืองดังสระแก้ว แบ่งเขตลงตัว ส่งครบ 3 เขต “ตรีนุช-บดี” ไปพรรคพลังประชารัฐ “สรวงศ์” ไปเพื่อไทย ส่วนอุบลราชธานี คึกคักจับเบอร์วันแรก สู้กันเดือดพรรคใหญ่ พรรคเล็ก จับตาเขตลูกสาวกุ่ย ชูวิทย์-ไทรวมพลัง


วันที่ 27 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรับสมัครจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27–31 ธันวาคม 2568 ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว โดยจังหวัดสระแก้วแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งในวันแรกมีผู้สมัครเดินทางมาลงทะเบียนจำนวนมากตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดรับสมัคร บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก


จังหวัดสระแก้วยังคงถูกจับตามองในฐานะ พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการเมือง ที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการลงสนามของ “ตระกูลเทียนทอง” ซึ่งเป็นตระกูลการเมืองสำคัญของจังหวัด และในครั้งนี้ได้ส่งผู้สมัครลงแข่งขันครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ได้แก่

เขตเลือกตั้งที่ 1 นายบดี เทียนทอง พรรคพลังประชารัฐ ได้เบอร์ 5

เขตเลือกตั้งที่ 2 นางสาวตรีนุช เทียนทอง พรรคพลังประชารัฐ ได้เบอร์ 7

...

เขตเลือกตั้งที่ 3 นายสรวงศ์ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1


บ้านใหญ่อุบลฯ คึกคักจับเบอร์วันแรก สู้กันเดือดพรรคใหญ่ พรรคเล็ก


ด้านจังหวัดอุบลราชธานี พรรคใหญ่ส่งผู้สมัครแข่งขันกันอย่างคึกคัก เพื่อหวังแบ่งที่นั่งที่มีอยู่ 11 ที่นั่ง กระจายไปหลายพรรคการเมือง ผู้สมัครจากพรรคการเมืองที่เป็นตัวเต็งทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม พรรคไทรวมพลัง และพรรคประชาชน ต่างมารอยื่นสมัครกัน เมื่อถึงเวลารับสมัคร กกต. ต้องใช้วิธีให้ผู้สมัครจับสลากให้พรรคใดสมัครก่อนใคร

สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีที่นั่ง สส. ระบบเขตถึง 11 เขต การเลือกตั้งคราวนี้ มีพรรคใหญ่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันอย่างคึกคัก เริ่มจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ครั้งที่แล้วมี สส. 4 คน แต่ครั้งนี้ เป็นศึกหนักอีกครั้งของพรรคที่กระแสตก ทำให้อดีต สส. และอดีตผู้สมัครตัวสำคัญย้ายพรรค ทั้งคู่พ่อลูกตระกูล “พิทักษ์พรพัลลภ” โดยผู้เป็นพ่อย้ายไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม ส่วนคนลูกก็ย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทย ส่วนผู้สมัครที่มาลงแทนก็เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ศึกครั้งนี้ จึงต้องพยายามรักษาที่นั่งที่เหลืออยู่ไว้ให้ได้เหนียวแน่น

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ซึ่งครั้งที่แล้วสามารถเจาะที่นั่งของจังหวัดได้เป็นครั้งแรก โดยได้ที่นั่ง สส. ถึง 3 คน จากที่ไม่เคยมี สส. มาก่อนเลย ก็ต้องรักษาที่นั่งเดิม พร้อมเพิ่มที่นั่งขึ้นมาอีกจาก 3 ที่นั่งให้เป็น 4 ที่นั่งจากการย้ายพรรคมาของนางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ ลูกสาวของกุ่ย ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ในเขตเลือกตั้งที่ 7

ส่วนอีก 4 ที่นั่ง จะเป็นการแบ่งกันของ 2 พรรค คือ กล้าธรรมกับไทรวมพลัง โดยเขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคกล้าธรรม ได้ วุฒิพงษ์ นามบุตร แชมป์หลายสมัยในเขตเลือกตั้งที่ 2 อดีตผู้สมัครประชาธิปัตย์ลงสนาม และอีก 3 ที่นั่งจะเป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดในเขตเลือกตั้งที่ 3 พรรคไทรวมพลัง ที่ได้ผู้สมัครหน้าเดิม พิมพกาญจน์ พลสมัคร เขต 9 มาดามกบ จิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ที่เปลี่ยนสนามจาก อบจ. มาลงใน สส. ระบบเขตในนามพรรคไทรวมพลัง

และเขตเลือกตั้งที่ 10 นายสมศักดิ์ หรือเสี่ยเชียง บุญประชุม เจ้าของพื้นที่เดิมจากไทรวมพลัง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ชายแดนไทย กัมพูชา เมื่อคราวเกิดการปะทะระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย ได้ใจทั้งทหารและชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ไปเต็มๆ คงเข้าวินได้ไม่ยากเมื่อมาเจอคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง นายวัชรพล เชื้อคง จากพรรคเพื่อไทย