“เท้ง ณัฐพงษ์” นำทีม สส.พรรคประชาชน สมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เผยโอกาสจับมือ ประชาธิปัตย์ ร่วมรัฐบาล ย้ำจุดยืนไม่เอา “สีเทา” ความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย

วันที่ 27 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวี หลังเดินทางมาถึงอาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) กรุงเทพมหานคร เพื่อลงสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ในพื้นที่กรุงเทพฯ นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์

โดย นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า ปีนี้พรรคประชาชนส่งผู้สมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ครบทั้ง 33 เขต ซึ่งพรรคประชาชนพร้อมเป็นความหวัง และตัวเลือกให้กับประชาชน โดยมีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รับความไว้วางใจทั้ง 33 เขตของกรุงเทพฯ แน่นอน แต่ไม่ประมาท ซึ่งเรามีหน้าที่ที่ต้องลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมา

นายณัฐพงษ์ เผยต่อว่า ตนเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่ประชาชนจะใช้เป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งนี้คือที่มาของนักการเมืองว่ามีความเกี่ยวข้องกับสีเทาหรือไม่ เพราะตอนนี้ประเทศของเราประสบกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งเศรษฐกิจที่โตรั้งท้ายอาเซียน สังคมขาดความเท่าเทียมกัน การทุจริตคอร์รัปชั่น และปัญหาใหญ่ ทุนเทากำลังครอบงำทั้งประเทศ ทั้งตลาดทุน และกำลังจะมายึดรัฐสภา เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เหลือได้เลย ถ้าไม่แก้ที่จุดเริ่มต้น คือที่มาในการเข้าสู่อำนาจ ไม่ต้องมีบุญคุณตอบแทนใคร ขจัดทุนเทาแบบถอนรากถอนโคน ไม่ไว้หน้าใครแน่นอน ซึ่งนโยบายในกรุงเทพฯ ของพรรคประชาชน ก็เชื่อว่าตอบโจทย์คนกรุงเทพฯ แน่นอน

...


ระหว่างนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางมาถึงบริเวณจุดถ่ายทอดสดของไทยรัฐทีวี ผู้สื่อข่าวจึงใช้โอกาสนี้ถามพรรคประชาชนซึ่งประกาศไม่ร่วมกับพรรคกล้าธรรม และประชาธิปัตย์ก็ประกาศไม่ร่วมกับพรรคกล้าธรรม แล้วทั้งสองทีมนี้ จะร่วมกันได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ เผยว่า โจทย์ของเรา เอาประเทศเป็นตัวตั้ง ถ้าทุกพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชน มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าเอาประเทศไม่มีสีเทา เอาประเทศที่เท่าเทียมกัน เศรษฐกิจไทยเท่าทันโลก แล้วเมื่อไรที่มีรัฐมนตรี มีประวัติเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ ต้องเปลี่ยนตัวออกทันที ความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ไม่ต้องรอการดำเนินคดีเป็นที่สิ้นสุด เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างเต็มที่

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เผยว่า ตรงกันอยู่แล้วในเรื่องที่จะต้องปราบทุนเทา และสิ่งที่พรรคประชาชนทำมาในฐานะฝ่ายค้าน หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตั้งแต่ที่ผมเข้ามา เมื่อคืนที่เราอยู่บนเวทีดีเบตก็มีการถกกันว่า นโยบายบางเรื่องอาจไม่ตรงกัน เช่น กฎหมายนิรโทษกรรม และ มาตรา 112 ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องรอฟังกันให้ชัดๆ แต่หลักคิดในการร่วมรัฐบาลกันคือ การนำพาประเทศไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ ในเรื่องของ มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ เผยว่า บนเวทีดีเบต คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่าไม่ให้พรรคการเมืองใด นำเรื่องแก้ไข ม.112 มาหาเสียง ตนก็หวังว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใด เอาเรื่องนี้มาใช้ในการหาเสียงอีก