“ณรงค์” ลั่น จัดเลือกตั้ง สส. พร้อมประชามติ เป็นความสำเร็จของคนไทยทั้งประเทศ ด้าน กกต. ออกประกาศแนวทางจัดเลือกตั้งใน 7 จังหวัดสู้รบ อำนวยความสะดวกคนในศูนย์อพยพขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประชุมคณะกรรมการอำนวยการประจำศูนย์อำนวยการและประสานงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และการออกเสียงประชามติ โดยมี นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธาน กกต. เป็นประธานการประชุม และมีผู้แทนจากหน่วยงานสนับสนุนต่างๆ เข้าร่วมประชุมที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ
นายณรงค์ กล่าวว่า การเลือกตั้ง สส. และการออกเสียงประชามติครั้งนี้ เป็นภารกิจสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกเสียงประชามติวันเดียวกับวันเลือกตั้ง สส. ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ประเทศไทย กกต. และพนักงาน กกต. ไม่สามารถจัดทำประชามติและเลือกตั้งออกมาให้สมบูรณ์แบบได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน ตนมั่นใจว่าด้วยความทุ่มเทการทำงานและการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งของทุกคน จะทำให้การเลือกตั้ง สส. และการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย ความเสียสละและความตั้งใจ ทุ่มเท ร่วมกันของทุกคน และถือเป็นความสำเร็จของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ขอให้พลังความร่วมมือครั้งนี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ประชาธิปไตยของประเทศไทยมั่นคงและเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนสืบไป
...
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศเรื่อง แนวทางดำเนินการการจัดการเลือกตั้ง สส. ในเขตเลือกตั้งที่มีสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีสาระสำคัญกำหนดให้ กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งในจังหวัดจันทบุรี ตราด บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ และอุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ดังนี้
1. การปิดประกาศ หรือระเบียบตามที่กฎหมายกำหนดเมื่อได้ปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง หรือสถานที่ที่ประชาชนสะดวกในการตรวจสอบแล้ว ให้ดำเนินการประกาศในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใดที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก หากไม่สามารถปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง หรือสถานที่ที่ประชาชนสะดวกในการตรวจสอบได้ ให้ถือว่าการประกาศในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใด เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
2. กรณีจัดส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในทะเบียนบ้านพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ไปยังเจ้าบ้านในเบื้องต้น ให้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่สามารถจัดส่งได้ ให้รายงานให้ กกต. ทราบและให้เก็บรักษาเอกสารดังกล่าวไว้ในที่ปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดลง แล้วจึงจัดส่งเอกสารดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
3. จัดให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในศูนย์อพยพลงทะเบียน ขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้ง ภายในระยะเวลาตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดวัน และเวลายื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง โดยขอความร่วมมือให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้งที่มีความปลอดภัยและอยู่ใกล้เคียงกับเขตเลือกตั้งที่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบ และในวันออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งให้ประสานหน่วยงานของรัฐ จัดพาหนะรับส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้งดังกล่าวด้วย
4. การจัดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งที่อยู่ในเขตเลือกตั้ง หากยังมีสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง พิจารณาเปลี่ยนแปลงเขตของหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งสามารถเดินทางได้สะดวกและปลอดภัย โดยหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งดังกล่าวต้องอยู่ในเขตเลือกตั้ง ตามมาตรา 30 วรรคสาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
5. ภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ให้ประสานนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือผู้มีสิทธิเลือกตั้งในศูนย์อพยพที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วย.