“เท้ง ณัฐพงษ์” ชี้แจงยกมือในเวทีดีเบต เพื่อผลักดันนิรโทษกรรม ไม่ได้ต้องการแก้ ม.112 วอน “อนุทิน” หยุดสร้างวาทกรรมหลอกเด็ก มั่นใจ ปชน. ชนะเลือกตั้ง ดักคอห้ามอันดับ 2 กับ 3 แทรกแซงตั้งรัฐบาล
วันที่ 26 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ตนเป็นคนเดียวในเวทีดีเบตอีกสักตั้ง ที่จัดขึ้นทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ที่ยกมือเห็นด้วยกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมผู้ต้องขัง มาตรา 112
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การยกมือในวันนั้น ไม่ใช่การเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรม ของนักโทษที่โดนคดีทางการเมือง และการให้สัมภาษณ์ของนายกอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง และสร้างเงื่อนไขทางการเมือง และเอาเรื่องนี้มาเรียกกระแสอะไรหรือไม่ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการแก้ไขมาตรา 112 เลย
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตัวเองไม่อยากให้นายอนุทิน เอาเรื่องนี้มาเป็นวาทกรรม สร้างนิทานหลอกเด็ก ในกรอบการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถผลักดันเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ได้อีกแล้ว ส่วนกระแสข่าวที่พรรคน้ำเงินจะไม่จับมือกับพรรคส้ม โดยนายอนุทินประกาศชัด ว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ บอกว่า ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ประชาชนจะต้องเลือกระหว่างรัฐบาลของพรรคประชาชน หรือรัฐบาลของนายอนุทิน
เมื่อถามว่า แล้วพรรคประชาชน จะไม่สามารถจับมือกับใครได้บ้าง นายณัฐพงษ์ ตอบว่า เราไม่สามารถจับมือกับพรรคกล้าธรรมได้ แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย ถ้าจะจับมือกับพรรคกล้าธรรม ก็เป็นเรื่องของเขา หลังจากนี้ให้พ่อแม่พี่น้องเป็นคนเลือกเอาเอง ว่าอยากจะได้รัฐบาลแบบไหน
...
ส่วนการที่พรรคประชาชน ออกมาตั้งเงื่อนไขต่างๆ มันจะนำไปสู่การเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ นายณัฐพงษ์ บอกว่า ความจริงแล้วพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ควรที่จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องไปถามพรรคภูมิใจไทย ว่ามีความพยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคประชาชนหรือไม่ ถ้านายอนุทิน มีความมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่ 1 ก็ไม่ควรจะมาตั้งเงื่อนไขอะไร กับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาชน
นายณัฐพงษ์ ยังบอกอีกว่า พรรคประชาชนมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้แน่นอน ตอนนี้เราเหลือภารกิจเพียงอย่างเดียว คือพยายามทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ไว้ใจพรรคประชาชนมากที่สุด ให้เรามีเสียงในสภามากพอที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ป้องกันไม่ให้พรรคอันดับ 2 และอันดับ 3 รวมขั้วกัน แล้วมาจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับเรา ซึ่งเป็นการขัดหลักการของการเมืองแบบรัฐสภา
ส่วนกรณี 44 สส. ของพรรคก้าวไกล ที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังจากเข้าชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ บอกว่า พรรคประชาชนจะไม่เปลี่ยนตัวแคนดิเดตฯ และไม่เปลี่ยนผู้สมัครรับเลือกตั้งคนไหน เพราะเราได้บริหารความเสี่ยง และคิดทุกอย่างมาอย่างดีแล้ว หลังจากนี้เราจะเดินหน้าเลือกตั้งเท่านั้น