“หมอวรงค์” หัวหน้าพรรคไทยภักดี ชู “ยกเลิกแบงค์ 500-1,000 บาท” เป็นนโยบายปราบโกง ลั่น โกงเกิน 100 ล้านต้องประหารใน 15 วัน


วันที่ 26 ธันวาคม 2568 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงหนึ่งในนโยบายที่จะใช้รณรงค์หาเสียง ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เป็นการทั่วไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ระบุว่า การปราบโกง (สีเทา) ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ความมุ่งมั่นของผู้มีอำนาจ, เพิ่มโทษประหารชีวิต ถ้าโกงเกิน 100 ล้านบาท และต้องประหารภายใน 15 วัน, ต้องไม่มีสิทธิขอพระราชทานอภัยโทษ, เพิ่มอำนาจประชาชนฟ้องตรงต่อศาล ถ้าชนะ ประชาชนมีสิทธิได้รับรางวัล

อีกประเด็นสำคัญคือ ต้องยกเลิกธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท และ 500 บาท เพราะเงินเทาส่วนใหญ่จะเก็บใส่รังในรูปของเงินสด เป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 หรือ 500 บาท การจ่ายสินบนเงินทุจริตก็มักจะใช้เงินสดจ่ายเพราะหาหลักฐานยากมาก ถ้าจ่ายด้วยการโอนแบบประชาชนทั่วไป จะมีหลักฐาน และตามเส้นทางเงินได้ หรือจ่ายเป็นสิ่งของ อาคารชุด จะมีหลักฐานเกิดขึ้น หรือแม้จะเปิดบัญชีม้า สุดท้ายบัญชีม้าก็ต้องปิด และส่วนใหญ่จะถอนเป็นเงินสด เพื่อส่งต่อให้นายเป็นทอดๆ การส่งส่วยในรายการตามที่ปรากฏผ่านสื่อล้วนใช้เงินสดทั้งสิ้น

นพ.วรงค์ เผยต่อไปว่า “พรรคการเมืองต่างๆ ที่มอบเงินให้ผู้สมัคร สส. ก็มักใช้เงินสด บ้านนักการเมืองใหญ่จึงมักจะมีห้องลับเพื่อเก็บเงินสด ในอดีตก็เคยมีบุกจับอดีตอธิบดีกรมทางหลวงคนหนึ่ง ก็มีเงินแบงค์พันหลายร้อยลังเก็บไว้ที่บ้าน องค์ประกอบของการปราบทุจริต ก็คือการยกเลิกแบงค์ 1,000 บาท และแบงค์ 500 บาท ซึ่งไม่เดือดร้อนสุจริตชนทั่วไป เพราะสามารถใช้การโอนเงินได้ ส่วนผู้สูงอายุก็สามารถใช้แบงค์ 100 บาท แบงค์ 50 บาท แบงค์ 20 บาทได้เมื่อประกาศยกเลิก เช่น ภายใน 3 เดือน คนที่ขนเงินจำนวนมากมาฝากธนาคารก็ต้องรายงานที่มาที่ไปของเงินสดจำนวนมาก รวมทั้งการเสียภาษีพรรคไทยภักดีจึงประกาศนโยบายยกเลิกแบงค์ 1,000 บาท และแบงค์ 500 บาท เพื่อเป็นองค์ประกอบนโยบายปราบโกง”

...

พร้อมทั้งระบุในช่วงท้ายว่า อินเดียเคยประกาศยกเลิกธนบัตรฉบับละ 1,000 แต่ต้องเอามาเปลี่ยนรุ่นใหม่ ส่วนจีนหลายเมืองไม่รับเงินสด เช่น เซี่ยงไฮ้ ต้องจ่ายผ่านแอปพลิเคชันเท่านั้น.