“สาทิตย์” รองหัวหน้า ปชป. โต้ “ธรรมนัส” ลั่นไม่ได้ดีแต่พูด แต่พูดเรื่องดีๆ เหน็บแถลงยาวเหยียด แต่ไม่เคลียร์เรื่องเทาๆ ให้ชัด ปัดเคืองแค้นปมอดีต สส. ย้ายซบกล้าธรรม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2568 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แถลงสวนกลับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรมว่า ดีแต่พูด ทั้งที่ตอนเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรให้กับประเทศ การเสนอจุดยืนทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองจะต้องมี และในสถานการณ์การเมืองที่ความเชื่อมั่นต่อการเมืองของประชาชนตกต่ำลง เพราะกังวลเรื่องการเมืองสีเทา ทุกพรรคการเมืองจำเป็นต้องมีจุดยืน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นพรรคแรกที่ประกาศจุดยืนทางการเมืองว่า ไม่สามารถทำงานกับพรรคกล้าธรรมได้ ไม่ได้มีประสงค์จะสร้างความขัดแย้งหรือแตกแยก และไม่ใช่เรื่องที่จะไปเปิดวิวาทะกับพรรคกล้าธรรม เมื่อนายอภิสิทธิ์เปิดไปแล้วเช่นนี้ พรรคอื่นก็สามารถกำหนดจุดยืนตัวเองได้เช่นกัน ถ้าพรรคกล้าธรรมจะประกาศจุดยืนว่า ไม่สามารถร่วมทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เราก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องโกรธกัน
“ดังนั้นที่ ร.อ.ธรรมนัสตั้งโต๊ะแถลงยืดยาว จริงๆ แล้ว สิ่งที่ผมอยากฟังที่สุดคือจะเคลียร์ตัวเอง เรื่องที่หลายฝ่ายเกิดความสงสัยในความคลุมเครือไม่โปร่งใสในเรื่องการมีสีเทา ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไรบ้าง ในประเด็นใดบ้าง ซึ่งยังได้ยินไม่ชัด มีแต่คำวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์เช่นเรื่องดีแต่พูด ซึ่งเราก็พูด แต่เรื่องดี ไม่ใช่ดีแต่พูด เรื่องนี้คงไม่ถือเป็นวิวาทะและไม่ตอบโต้อะไร แต่ก็เตรียมข้อเท็จจริงที่จะชี้แจงไว้แล้ว เพราะสิ่งที่กล่าวหา เป็นเรื่องที่เกิดต่างกรรมต่างวาระ และย้อนรอยถอยหลังกลับ 20-30 ปี แล้วจับมาพูดแบบสับสนมาก ผมยังยืนยันว่า จุดยืนของการไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมของท่านอภิสิทธิ์ เป็นมติพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และจะเป็นจุดยืนที่ท้าทายเกมอำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าไม่ใช่คลุมเครือ อ้ำอึ้ง หรือกั๊ก เพื่อจะรอร่วมรัฐบาล แต่จุดยืนของพรรคการเมืองที่จะยืนหยัดอยู่ในการเมืองที่สุจริตจำเป็นต้องประกาศจุดยืนว่าเป็นอย่างไร และก็ดีที่พรรคประชาชนที่อ้ำอึ้งในตอนแรก ก็ออกมาพูดชัดเจนขึ้นว่า จะไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมเช่นเดียวกัน และเห็นคุณธรรมนัสอ้างถึงคุณอนุทินว่า สมมุติว่าไม่มีใครเอา ก็ไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย อันนี้ก็อยากฟังเหมือนกันว่า ภูมิใจไทยจะตอบอย่างไร”
...
ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าจะไม่จับมือกับพรรคกล้าธรรมเป็นการเสียมารยาท นายสาทิตย์ กล่าวว่า ต้องแยกระหว่างจุดยืนทางการเมืองกับมารยาททางการเมืองจากกัน การไปบูลลี่คนอื่นว่า ฟันน้ำนมยังไม่หัก นี่คือมารยาททางการเมือง เมื่อถามอีกว่า ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศอย่างนี้เพราะไม่พอใจที่อดีต สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ย้ายไปอยู่พรรคกล้าธรรมจำนวนมาก นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นประเด็นเลย เพราะ สส.เก่า ของพรรคประชาธิปัตย์ ย้ายไปหลายพรรค และเราไม่ได้พูดถึงพรรคอื่นเลย ดังนั้นในความคิดของนายอภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจจุดยืนเรื่องนี้โดยไม่มีเรื่องการเมืองใดๆ และไม่มีเรื่องความเคืองแค้นเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ลองกลับไปดูการเมืองยุคปี 35 ที่เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ยุคนั้นเรียกว่าเทพ-มาร สถานการณ์ขณะนี้จะใกล้เคียง เพราะคนต้องการการเมืองสุจริต แต่ในยุคนั้น เขาต้องการการเมืองที่ต้องปฏิรูป ไม่ต้องการนักการเมืองที่ไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส ฉะนั้นจากวันนี้ไปผมขอเรียกร้องประชาชนว่า ขอให้ติดตามถ้อยแถลงทางการเมืองกับจุดยืนของแต่ละพรรคผ่านช่องทางต่างๆ เพราะการเมืองเราจะสร้างภาพ หรือนโยบายอย่างไรก็ได้ แต่จุดยืนทางการเมืองและอุดมการณ์ต่างหาก ที่จะชี้ว่าพรรคการเมืองนั้นฟังเสียง และเคารพความคิดเห็นประชาชนแค่ไหน ส่วนเรื่องที่ ร.อ.ธรรมนัสเตรียมจะฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทนั้น ผมเห็นว่า การฟ้องกันทางการเมืองอาจจะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติ แต่เรามั่นใจในจุดยืนที่จะประกาศทางการเมืองว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะหมิ่นประมาท หรือใส่ร้ายใคร เพราะไม่ได้บอกว่า เขาผิดในเรื่องใด แต่เป็นเพราะความไม่โปร่งใส คลุมเครือ เทา ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในเจตนารมณ์ของจริยธรรมทางการเมืองในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว”