แคนดิเดตนายกฯ ตอบชัดๆ ไม่จับมือกับพรรคการเมืองแบบไหนบ้าง ขณะที่ "อภิสิทธิ์" ประกาศชัดไม่จับมือ "พรรคกล้าธรรม"
วันที่ 23 ธันวาคม 2568 ไทยรัฐทีวี เริ่มการดีเบตเป็นเวทีแรกก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง 2569 โดยมี กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 8 คน จากพรรคการเมือง ประกอบด้วย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีก 2 พรรคการเมือง คือ พรรคกล้าธรรม และพรรคภูมิใจไทย ไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาร่วมดีเบต
...
ขณะที่ ผู้ดำเนินรายการ กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ ถามว่า เงื่อนไขของแต่ละพรรค ที่จะจับมือและไม่จับมือกับพรรคการเมืองแบบไหนบ้าง
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้ประกาศไปหลายครั้งก่อนหน้านี้แล้ว ถ้ามีนักการเมืองที่มีส่วนพัวพันหรือเสนอรัฐมนตรีที่มาดำรงตำแหน่งในกระทรวง แล้วมีส่วนพัวพันกับเรื่องสีเทา เราไม่สามารถที่จะยอมรับได้ในการตั้งรัฐบาลที่มีสีเทาแบบนี้ แล้วสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นจุดตัดที่สำคัญ การเลือกตั้งครั้งหน้าสิ่งที่เป็นปัญหาที่น่ากลัวของประเทศ คือเงินสีเทาที่จะเข้ามาครอบงำระบบทางการเมือง ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไปซึ่งไม่มีเสียง สว. แล้ว เสียงประชาชนจะมีความหมายมากที่สุด ที่จะทำอย่างไรให้ระบบการเมืองไม่มีส่วนไปพัวพันกับเรื่องของสีเทา เรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน พูดชื่อพรรคไม่ได้เพราะอาจจะผิดกฎหมายเลือกตั้งเดี๋ยวโดนใบแดง ให้ประชาชนตัดสินดีกว่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เผยว่า เงื่อนไขการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการพลิกให้บ้านเมืองมีความสุจริต หลักการร่วมและตั้งรัฐบาลของประชาธิปัตย์ เชิงบวกคือต้องมั่นใจผลักดันนโยบายเราได้ เชิงลบคือนโยบายใดไม่ตรงกับจุดยืนเรา สร้างความแตกแยกเราปฏิเสธ เราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม ไม่เอาเด็ดขาด
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เผยว่า การร่วมรัฐบาล การมองนโยบายของแต่ละพรรคการทำงานร่วมกันได้ต้องมาก่อน แต่ที่จะซ้อนกันไปและสำคัญคือถ้าพรรคใดมีปัญหาสีเทา คิดว่าการที่พรรคใดจะเข้าไปร่วมด้วย ประชาชนจะตั้งคำถาม ส่วนการตัดสินว่าพรรคใดมีสีเทาหรือไม่ ถึงเวลาแล้วทุกพรรคและสื่อ จะต้องตั้งประเด็นให้ประชาชนสังเกต แต่ยังขอสงวนชื่อไว้ก่อน
นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เผยว่า เราไม่สามารถรับเรื่องคนทุจริตได้อยู่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือพรรคการเมืองต้องส่งมอบนโยบายให้ประชาชน การจับมือกับพรรคการเมืองต้องสามารถดำเนินการตามแนวทางของพรรคเพื่อไทย เพื่อส่งมอบนโยบายสู่พี่น้องประชาชน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เผยว่า การร่วมรัฐบาลนโยบายหลักของพรรคต้องได้รับการยอมรับ วันนี้สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือต้องแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาอย่างเด็ดขาดให้จบ และต้องไม่เป็นภัยคุกคามประเทศไทยและคนไทย และต้องจัดการแก้ปัญหาทุจริตคนชั่วโกงชาติจริงจัง ถึงขั้นต้องประหารชีวิต ลูกเมียต้องชดใช้เงินคืน สแกมเมอร์ต้องมีกฎหมายพิเศษที่ไม่เคยมีมาจัดการ และสุดท้ายต้องไม่มีนโยบายที่กระทบสถาบันหลักของชาติ
พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เผยว่า ไม่เอาพรรคอยู่กับสีเทาทั้งหมด ซึ่งเรารู้ทั้งหมด ประชาชนก็รู้ แต่พูดไม่ได้โดนฟ้อง
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เผยว่า ประเทศไทยวิกฤตมาก พรรคเราตั้งใจเข้ามาทำงานจริงๆ เราทำงานแบบมืออาชีพ อยากทำงานร่วมกับพรรคที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนด้วยหลักวิชาการจริงๆ ที่สำคัญพรรคของเขาต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใด ไม่ว่าจะเป็นสแกมเมอร์ เทา ดำ หรือกลุ่มใดก็แล้วแต่ ถ้าร่วมแล้วมีหลักฐานว่าโยงสแกมเมอร์ถอนตัวทันที เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะถอยหลังเหมือนเดิม
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เผยว่า หลายคนพูดแล้วแต่ขอเพิ่มเติมว่า ประเทศต้องเดินหน้าแต่ติดหล่มอยู่แบบนี้ด้วย 2 อย่าง คือ 1. การทุจริต 2. นักการเมืองไม่จริงใจ ประชาชนถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ดังนั้นพรรคที่จะไม่ร่วม คือดูแล้วไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาสัญญาในการเลือกตั้ง แน่นอนว่าเราอยากทำให้เศรษฐกิจมันดี แต่ไม่เอาพรรคที่ลดแลกแจกแถม จะต้องแก้ที่โครงสร้างของประเทศจริงๆ.