เวทีดีเบตไทยรัฐ 8 แคนดิเดตนายกฯ จัดหนักปมสแกมเมอร์ หลายพรรคเห็นด้วยประหารชีวิต “ยศชนัน” ยัน ลดลงจริงแต่ได้ทำไม่ต่อเนื่อง ชี้ “ตระกูลฮุน” เสียประโยชน์จากการปราบปรามของรัฐบาลเพื่อไทย
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 23 ธันวาคม 2568 ไทยรัฐทีวีจัดดีเบตเป็นเวทีแรกก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง 2569 โดยมี กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ เป็นผู้ดำเนินรายการ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 8 คน จาก 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม ประกอบด้วย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และนโยบาย ส่วนอีก 2 พรรคการเมือง คือ พรรคกล้าธรรม และพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มาร่วมดีเบต
ในประเด็นคำถามว่าหากประเทศไทยมีกาสิโนถูกกฎหมาย เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) จะเป็นแหล่งฟอกเงินมหาศาล อาจเป็นฮับทุนเทา นั้น นายยศชนัน ระบุว่า ต้องแยกเป็น 2 ก้อน คือต้องฟังเสียงประชาชน เป็นเรื่องการทำ Man Made Destination เพื่อดึงเงินเข้ามา ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นโปรเจกต์นี้ ถ้าเกิดความไม่สบายใจ พรรคเพื่อไทยเราสามารถหาโครงการต่างๆ เพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาได้ เราพูดเสมอต้องสร้างความเข้มแข็งทางเทคโนโลยี ไซเบอร์ซีเคียวริตี้เต็มรูปแบบ สิ่งสำคัญที่สุด ไทยต้องเป็นพี่ใหญ่ ชวนประเทศต่างๆ เข้ามาได้ เมื่อเขาเข้ามาจะรู้ว่าปัญหาเกิดที่ใคร และเราเป็นคนถูก เราไม่ต้องกลัว
...
ในคำถามว่าสถานการณ์การปะทะครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยปราบสแกมเมอร์จนทำให้มีคนเสียผลประโยชน์ คือทางตระกูลฮุนในกัมพูชาใช่หรือไม่ นายยศชนันตอบว่า “ก็เป็นอย่างนั้นแหละครับ” เราเดินหน้าปราบสแกมเมอร์ไปแล้ว 40% ลดลง ช่วงหนึ่งทุกคนเริ่มสบายใจแล้วว่าสแกมเมอร์ลดลง เงินโดนหลอกลดลงไป 10,000 กว่าล้าน เป็นประเด็นสำคัญที่เกิดการเสียผลประโยชน์ได้ เมื่อถามย้ำถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีจะเรียกความเชื่อมั่นประชาชนอย่างไร นายยศชนัน ระบุว่า เราเป็นเซ็นเตอร์ในเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ครบวงจร อีกเรื่องคือเดินทางทหารคู่การทูต ทำคู่ขนานไป ถ้าแรงมาเราก็จำเป็นต้องแรงกลับเพื่อปกป้องอธิปไตยของเรา
ต่อมา นายธีระชัย กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้เดิมพันอนาคตประเทศ ทั้งเศรษฐกิจและสแกมเมอร์ด้วย ในเรื่องสแกมเมอร์ เป็นแหล่งเงินไม่มีวันจบ มีการหลอกลวงทั่วโลก แม้เราทำลายกาสิโนก็ไม่จบ ยังเกิดขึ้นได้อีก และสแกมเมอร์อยู่ได้จะต้องขี่หลังประเทศไทย คนเกี่ยวข้องต้องเข้ามาบริหารจัดการประเทศไทย ซึ่งเราต้องจัดการให้เด็ดขาด
พล.อ.รังษี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์เรื่องนี้ว่า ไทยเทา จีนเทา กัมพูชาเทา สแกมเมอร์มีเงินหมุนกว่า 2 แสนล้านบาท เราอายัดได้เพียง 10,000 ล้านบาท กลัวว่าจะเอามาซื้อเสียงในประเทศไทย ที่ผ่านมามีการออกหมายจับ นายเฉินจื้อ ที่กำลังตามจับตัว เงินเทาเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์แล้ว การเข้ามาถ้าไม่มีไทยเทา สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะกล้าเหิมเกริมขนาดนี้หรือ มันยิงเราก่อน ทั้งนี้ ถ้าพรรคเศรษฐกิจได้เสียงข้างมาก จะประหารทั้งผู้ให้ผู้รับ ถ้าประชาชนคิดว่าปัญหานี้เป็นภัยคุกคามประเทศ เราจะแก้กฎหมายให้ดู ยืนยันว่าปัญหายังอยู่และหนักขึ้น และการที่พบว่าทุกวันนี้ตึกกาสิโนเป็นแหล่งสแกมเมอร์ทั้งนั้น ในช่วงหนึ่ง นายยศชนัน ยืนยันว่าสแกมเมอร์ลดลง แต่เพื่อไทยไม่มีโอกาสทำอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเราต้องทำอย่างเข้มข้น ซึ่งสแกมเมอร์และกัมพูชาถือเป็นเรื่องเดียวกัน
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องย้อนฟังคลิปเสียง ถ้าเราไม่มีผู้นำและรัฐบาลที่ผลประโยชน์ทับซ้อนจะไม่เป็นเช่นนี้ ทำไมต้องรอให้รัฐมนตรีจีนมาบัญชาการจึงปราบปราม ไทยตามหลังประเทศอื่นๆ การปราบสแกมเมอร์ต้องใช้เครื่องมือเทคโนโลยี สำคัญที่สุดคือกฎหมายเกี่ยวกับเส้นทางการเงินและการฟอกเงิน คริปโตเข้ามาในไทยไม่มีการรายงาน ปล่อยให้ซื้อทองคำด้วยเงินสด กระทบค่าเงินบาท เรื่องเหล่านี้สำคัญและเกี่ยวข้องกฎหมาย ต้องไปดูประเทศสิงคโปร์และจีนขยับอย่างไร สวนทางกับที่รัฐบาลเคยเสนอ ในประเด็นถูกพาดพิง นายยศชนัน ยืนยันว่า “ไม่มีใครเอาเรื่องส่วนตัวมาเหนือประเทศ”
ขณะที่ นายพีระพันธุ์ บอกว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครแก้ปัญหาอย่างจริงจัง การปะทะกันวันนี้ต้องปล่อยกองทัพทำลายรังสแกมเมอร์ กลไกในประเทศต้องตรวจสอบจริงจัง เพราะไม่มีกฎหมายลงโทษสแกมเมอร์เป็นการเฉพาะ หากจับได้ต้องประหารชีวิตให้หมด
นายสุชัชวีร์ ระบุว่าเห็นด้วยในเรื่องปราบสแกมเมอร์ แต่อยากให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริง แม้ถล่มสแกมเมอร์เป็นหน้ากลอง แต่สแกมเมอร์ไม่ได้หายไป ยังไปอยู่ที่อื่นได้ การปฏิบัติไม่ใช่ง่าย ไทยตามหลังเทคโนโลยีสแกมเมอร์ ถ้าตนเป็นนายกรัฐมนตรี เทคโนโลยีต้องล้ำสกัดสแกมเมอร์ หากจับได้คาหนังคาเขาต้องประหาร เห็นด้วยกับ พล.อ.รังษี วันนี้ถึงเวลาที่ธนาคารพาณิชย์ต้องรวมข้อมูล ถ้าไม่ไว้ใจรัฐบาล แต่ไว้ใจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ และสิ่งที่รัฐบาลทำน้อยมากคือการให้ความรู้ประชาชน ไม่มีการให้ความรู้ว่ามาในรูปแบบไหน ไม่ใช่แค่คอลเซ็นเตอร์ ถ้าไทยก้าวใหม่เป็นรัฐบาลจะไม่เกิด จะมีการใช้เทคโนโลยีและความรู้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เป็นการแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติ
สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์ เผยในเรื่องนี้ว่า ตอนนี้เราพูดแค่ส่วนยอดภูเขาน้ำแข็ง เป็นระบบอุปถัมภ์ทำให้ไทยพังพินาศจากการทุจริตคอร์รัปชัน ข้าราชการ-นักการเมืองทุจริต รับผลประโยชน์จากสแกมเมอร์ ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน คนเหล่านี้ต้องเข้ามาสู่อำนาจเพื่อทำให้เขาฟอกเงินได้อย่างง่าย เข้ามาซื้อบริษัทพลังงานของไทย เอามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ เอาเงินเป็นแสนล้านมาฟอกในไทยได้ หน่วยงานเรกูเลเตอร์ทำไมถึงปิดตา เป็นระบบอุปถัมภ์สามานย์ ก่อนทิ้งท้ายว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้เขาซื้อพรรคการเมืองได้ และเขาจะซื้อประเทศไทย การฟอกเงินครั้งนี้มูลค่ามโหฬาร เอาเงินดำมาซื้อ สส.ดำ จึงขอวิงวอนประชาชนว่า ใครเอาเงินมาให้ คิดซะว่าเงินปล้นเรามา ประชาชนจะรับหรือไม่ ไม่ทราบ แต่อย่าลืม ย้ำว่าถ้าพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาล จะไม่ปิดตาเรื่องเหล่านี้.