ไทยรัฐดีเบต #ดีเบตอีกสักตั้ง แคนดิเดตนายกฯ จาก 8 พรรค เผยทางออกปัญหาชายแดน “ดร.เอ้” หนุนใช้เทคโนโลยีควบคู่การสร้างรั้ว “อภิสิทธิ์” มอง MOU44 ไม่จำเป็น เพราะถูกสร้างเพื่อหวังนำทรัพยากรทางทะเลมาแบ่งกัน

วันที่ 23 ธ.ค. 2568 ในรายการ “ไทยรัฐดีเบต” #ดีเบตอีกสักตั้ง ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เป็นการพูดคุยกับ แคนดิเดตนายกฯ จาก 8 พรรคการเมือง ได้แก่ ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ


พลเอกรังษี ชี้ ฮุนเซนเป็นคนเริ่ม ดังนั้นต้องเป็นคนจบ

...

ในเรื่องของสถานการณ์ชายแดนนั้น อ้างอิงจากที่ทุกท่านเคยพูดไว้ เมื่อถามว่า ถ้าวันนี้คุณเป็นนายกฯ อำนาจอยู่ในมือ จะหาทางลงในเรื่องนี้อย่างไร เริ่มที่ พลเอก รังษี จะเดินหน้ารบต่อ หรือทำให้กัมพูชา สิ้นสภาพความเป็นปฏิปักษ์ พลเอก รังษี เผยว่า วันนี้กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม รุกล้ำอธิปไตยไทยรวม 28 จุด ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังจันทบุรี-ตราด ในวันนี้เราได้นำอธิปไตยเราคืน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ปราสาทตาควาย ปราสาทคณา ฯลฯ บ้านสามหลังที่ตราด เราได้เข้าไปทำลายบ้านสามหลัง ตึกกาสิโน ที่ส่องสุมกำลัง กองทัพทำถูกแล้ว และต้องดำเนินการต่อไป จนกว่าฮุนเซนจะโทรมาเจรจา ไม่ใช่ใช้ประเทศที่สาม หรือที่สี่ ฮุนเซนเป็นคนเริ่ม ดังนั้นต้องเป็นคนจบ

นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า หัวใจสำคัญของความขัดแย้ง พุ่งเป้าไปที่ระบอบฮุนเซน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าพัวพันกับระบอบสแกมเมอร์ และอาจจะเป็นระบอบที่ให้แหล่งเงินทุนให้เหล่าผู้มีอำนาจในกัมพูชาไปซื้ออาวุธมาใช้ในการทำสงครามกับไทย อย่างที่สื่อสารไปก่อนหน้านี้ นอกจากการใช้เครื่องมือทางการทหาร เราอย่าลืมแนวรบด้านอื่นๆ คือ แนวรบด้านการทูตและการปราบสแกมเมอร์ไปพร้อมๆ กัน แต่อยากให้ทุกคนตั้งหลักก่อนว่า สิ่งที่ทุกคนต้องการตอนนี้คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศไทย อย่างที่สอง ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ยืดเยื้อ อย่างที่สาม ทำอย่างไรให้ชาวบ้านได้กลับบ้านเร็วที่สุด และอย่างที่สี่ ทำอย่างไรให้ชายแดนไทยมีความปลอดภัยอย่างถาวร ดังนั้นเราต้องให้โลกล้อมกัมพูชา นั่นคือ การปราบสแกมเมอร์ ในการทำให้ประเทศมหาอำนาจ อยู่ข้างประเทศไทย


"เท้ง" ยันต้องให้ความสำคัญกับการปราบสแกมเมอร์

เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าทำแบบนี้มันช้าไป นายณัฐพงษ์ เผยว่า สถานการณ์มันเลยเถิดมาถึงขณะนี้แล้ว แต่ถ้าเราใช้เครื่องไม้ เครื่องมือ ที่พูดมาก่อนหน้านี้ สถานการณ์คงไม่มาถึงขณะนี้ และตนก็เสียใจต่อทุกการสูญเสียที่เกิดขึ้น เราเห็นกองทัพทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการปราบสแกมเมอร์ หรือเครือข่ายนักการเมืองที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ พร้อมตั้งคำถามว่า เราจริงจังกับการปราบสแกมเมอร์ในประเทศแล้วหรือยัง

กองทัพมีหน้าที่ในการปกป้องประเทศ ปกป้องอธิปไตย ถ้าเราถูกรุกล้ำก่อน เป็นหน้าที่ที่เราจะใช้กำลังอย่างเต็มที่ในการกำจัดภัยคุกคามเฉพาะหน้า เพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่เราจะให้กัมพูชากลับเข้ามาคุยกับเรา คือ กดดันเขาทุกทาง เพื่อให้เขาเข้ามาเจรจากับเรา เพราะเขาขาดความจริงใจ ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ


"อภิสิทธิ์" ชู "การทูต" สื่อสารให้ประเทศอื่นๆ เข้าใจสถานการณ์

นายอภิสิทธิ์ มองว่า เราต้องเอาสถานการณ์ในวันนี้เป็นตัวตั้ง คือกองทัพต้องได้รับการสนับสนุนในการทำภารกิจให้ลุล่วง นั่นคือ การยึดคืนพื้นที่ของเรา การทำลายศักยภาพของกัมพูชา ไม่ให้เข้ามารุกล้ำ รังควาญ ในการเอาพื้นที่คืน ซึ่งเราต้องทำทั้งเป้าทางการทหาร และทำในเรื่องของการปราบสแกมเมอร์ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง ที่ซุกซ่อนอาวุธ ถ้าได้เป็นรัฐบาล เราสนับสนุนเต็มที่เหมือนที่เคยทำปี 54 มีการปะทะ 12 วัน เพื่อให้กองทัพได้ปฏิบัติภารกิจได้ลุล่วง เมื่อถามว่า เมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้ว การจะให้ฮุนเซนโทรมาคงไม่เกิดขึ้น และเชื่อว่าเขาคงไปฟ้องประเทศอื่น จุดสำคัญ คือ เรื่องของการทูต เพื่อให้ประเทศต่างๆ เข้าใจและอยู่ข้างเรา และการเจรจาต้องอยู่บนเงื่อนไขที่กัมพูชาจะต้องไม่มีอาวุธหนัก หรือกำลังใกล้เคียงชายแดน ที่จะเข้ามาสร้างปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และต้องมีผู้สังเกตการณ์ เพราะตอนนี้กองทัพ และประชาชนแนวชายแดนเสียสละมาก อาสาทุกคนเป็นใจให้กองทัพ แต่ถ้าไม่หยุดและเจรจาได้ ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม


"คุณหญิงสุดารัตน์" ย้ำต้องจริงจังปราบสแกมเมอร์

คุณหญิงสุดารัตน์ เผยว่า เราไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อน เราอยู่อย่างสงบ สันติมาโดยตลอด แต่เราถูกรุกราน จนเกิดความสูญเสีย ดังนั้นการที่กัมพูชามาทำแบบนี้ เราไปเซ็นสัญญาหยุดยิงกันวันนั้น ในขณะที่การทหารยังนำพื้นที่รุกล้ำกลับมาไม่ได้ การเซ็นไปจึงไม่มีประโยชน์อะไร ฉะนั้นถ้าดิฉันเป็นนายกฯ เราต้องทำ 5 อย่าง เรายกย่องการเสียสละของทหาร และจะสนับสนุนเต็มที่ให้ทหารได้รบจนกว่ากองทัพกัมพูชาจะสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย สอง เราต้องสนับสนุนให้ทหารจบปัญหาเขตแดน ชายแดน จริงๆ พื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของเราเอาคืนมาให้หมดในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้น เราก็จะมาเจอปัญหานี้อีกในอนาคต เราต้องทำในเรื่องการทูต โดยทำให้ทั่วโลกเข้าใจ เพราะเขาฟ้องโลกเก่งกว่าเรา สี่เรื่องสแกมเมอร์ วันนี้ดิฉันเสียใจที่รัฐบาลไปเป็นเจ้าภาพปราบสแกมเมอร์ แต่เหมือนแค่ประชุมให้ผ่านไป แต่เราต้องหยิบมาจัดการให้จบในครั้งนี้ และสุดท้าย การดูแลประชาชนในแนวชายแดนที่ต้องอพยพ จะให้เขาอยู่กินฟรีไม่ได้ ทุกคนมีรายจ่าย จะต้องตัดงบประมาณเข้าไปดูแลชดเชยให้เขา

ซึ่งในสิ่งที่นายกฯ อนุทิน ทำอยู่ตอนนี้ เราเห็นด้วยในบางเรื่อง อย่างการสนับสนุนทหาร แต่ผิดหวังในเรื่องของสแกมเมอร์ ขณะที่เรื่องการฟอกเงินในประเทศเอง เราก็ทำไม่สุด เพียงแต่ว่าตามกระแส แล้วต้องคอยดูว่าจะดำเนินคดีจริงไหม และการอายัดทรัพย์ต่อไปจะยึดหรือไม่


"ยศชนัน" ชู 3 หลัก แก้ปัญหาชายแดน 

ด้าน ศ.ดร.ยศชนัน เผยว่า ตนมองว่าไม่ควรนำปัญหาชายแดนมาเป็นเรื่องการเมือง สิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือการที่ทุกคนจะต้องสามัคคีกัน และนำเรื่องของอำนาจอธิปไตยเป็นตัวตั้ง อย่างที่สองคือการที่เราคิดถึงพี่น้องประชาชนและพี่น้องทหาร ตรงนี้ต้องทำพร้อมกันขนานกันไป เมื่อสักครู่เห็นด้วยในเรื่องของนโยบายโลกล้อมกัมพูชา ตนต้องชื่นชมทางทหารของเราว่า เราทำตาม 3 หลัก คือ หนึ่งเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ สองคือกฎของยูเอ็น และสามเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้นการที่ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะเป็นหัวใจในการจัดการสแกมเมอร์ทั้งระบบ ทุกคนอยากมาช่วย การที่เราดึงอเมริกา จีน มาช่วยในบางเรื่อง ทำให้เขาเห็นและกระจ่างว่า เราคือคนที่ทำถูกต้อง แต่เรื่องนี้มีประเด็นนิดนึงคือ เป็นเรื่องระหว่างสองประเทศ ไม่ได้จำเป็นต้องให้ประเทศอื่นมายุ่งในเรื่องนี้ เราจำเป็นต้องทำเรื่องนี้ให้จบภายในสองประเทศ ไม่ให้ดึงเรื่องนี้ไปถึงศาลโลก

ถ้าวันนั้นตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี อยากให้เป็นหลักว่า อธิปไตยอย่างน้อยต้อง 2 สิ่ง คือ พี่น้องประชาชนต้องอยู่อย่างสงบ และทหารต้องบาดเจ็บน้อยที่สุด


"พีระพันธุ์" ยันถ้าเป็นนายกฯ จะยกเลิก MOU 43-44

เมื่อถามว่าถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะยกเลิก MOU 43-44 ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่าใช่ เพราะไม่ได้ทำให้ประเทศไทยได้อะไรขึ้นมา ประเด็นหลักของเอ็มโอยูคือ คือการเจรจาตกลงกันเรื่องเขตชายแดน ซึ่งมันมีอยู่แล้วเขตชายแดนไทยกัมพูชามีตั้งแต่ 2450 สนธิสัญญาไทยฝรั่งเศส เขากำหนดหลักเขตขึ้นมาอยู่แล้วว่า แต่ละเขตอยู่ตรงไหน เราก็ถือตามหลักเขต ตรงไหนหาไม่เจอหาหรือหายไป ก็ไปดูตามหลักเกณฑ์ ตามที่ระบุในสนธิสัญญา ประเด็นที่สองคือ MOU 43 มีการไปพูดอ้างอิงถึงแผนที่ 1:200,000 ซึ่งในทางทหารและในมาตรฐานสากลใช้ 1:50,000 ทางกองทัพกัมพูชาเองก็ใช้ 1:50,000 กองทัพทั่วไปก็ใช้ 1:50,000 แล้วเราจะไปพูดถึง 1:200,000 ทำไมใน MOU 43 สุดท้ายประเทศไทยไม่ได้อะไรขึ้นมาจากเรื่องนี้

ส่วน MOU 44 เป็นเรื่องเขตแดนในทะเล ประเทศไทยยึดตามแนวเขตแดนถูกต้องตามหลักสากล แต่ของเขายึดตามแนวที่เขาคิดว่าเป็นของเขา แบบนี้มันผิดอยู่แล้ว แต่เมื่อเรายึดตามหลักที่ถูกต้อง ตามหลักสากล ตรงไหนเป็นของเรา ทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลตรงนั้นก็ต้องเป็นของเรา แต่เมื่อเกิดข้อพิพาทตรงขึ้นมา แล้วเราจะมาบอกว่าให้พัฒนาร่วมกันได้อย่างไร เพราะมันเป็นของเรา


"ธีระชัย" เห็นด้วย ยกเลิก MOU43-44

นายธีระชัย เผยว่า เรื่องนี้เป็นจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐว่า ควรจะต้องยกเลิก MOU แต่วัตถุประสงค์ของการยกเลิก MOU43 คือมันต้องสร้างกำแพง ทีนี้ MOU ระบุว่าจะสร้างได้ก็ต่อเมื่อมีการตกลงกันทั้งสองฝ่ายเพราะฉะนั้นเวลานี้ผมขอชื่นชมกองทัพที่ได้วางจุดยืนให้เราเข้าไปครอบครองจุดที่เป็นจุดสำคัญตลอดแนวชายแดน เมื่อถึงเวลาก็สร้างกำแพงได้ ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ค่อยมาเจรจากันทีหลัง

ส่วน MOU44 ต้องยกเลิกเด็ดขาด เพราะไปอ้างอิงการวาดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกติกาสหประชาชาติ ซึ่งไม่มีเหตุผลที่จะไปเก็บเอาไว้

ด้าน นายณัฐพงษ์ มองเรื่อง MOU43-44 ว่า ผมกล้าพูดว่า ตอนนี้สิ่งที่ผู้นำกัมพูชาต้องการคือ ต้องการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ เพราะเขาต้องการให้เราขาดกลไกแบบทวิภาคีที่พูดกันสองประเทศ สุดท้ายเพื่อที่เขาจะนำความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไปสู่ศาลโลก หรือดึงประเทศอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในปัญหาเรื่องนี้ด้วย ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่เราต้องตกผลึกร่วมกันก่อนคือ ตกลงแล้วตามกลไกของ MOU43-44 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดนทางบก คือ MOU43 มีปัญหาหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้ Perfect มันอาจจะมีปัญหา แต่มันจำเป็นต้องยกเลิกหรือเปล่า คำถามนี้สำคัญ ถ้าเราบอกว่าเราอยากที่จะยกเลิก แล้วเราเป็นฝ่ายเสนอที่จะยกเลิกก่อน คำถามต่อมาคือ แล้วจะใช้กลไกไหน ในการเข้ามาปักปันเขตแดนที่เราทำไปแล้ว 20 ปี 70 กว่าหมุด ทุกอย่างจะถูกล้างไปหมดเลยไหม ถ้าเราเสนอยกเลิกไปก่อนแล้วกัมพูชามีข้ออ้างนำขึ้นศาลโลกหรือเปล่า

ซึ่งเรื่องนี้ นายพีระพันธุ์ มองว่าสนธิสัญญาที่เกิดขึ้นเป็นที่ยอมรับกันทั้งสองประเทศมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว และแบ่งเรื่องเขตแดนกันเรียบร้อย ถ้าหากวันนี้เราไปตกลงกันใหม่ เจรจากันใหม่ แล้วมันเปลี่ยนไปจากเดิม แผ่นดินไทยหายไป ใครรับผิดชอบ เป็นความผิดอาญาด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่มีวันที่จะเปลี่ยนเส้นเขตแดนตามที่ตกลงกันไว้ในสนธิสัญญาไทยฝรั่งเศสได้ ซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์

นายณัฐพงษ์ บอกว่า ในส่วนของการกั้นชายแดน ตนมองว่ารั้วปูนไม่สามารถป้องกันโดรน การค้ามนุษย์ หรือการที่ทหารกัมพูชาจะเข้ามาวางทุ่นระเบิดได้ แต่เราสามารถสร้างสมาร์ททาวเวอร์ ซึ่งเป็นหอคอยที่ติดตั้งกล้อง ระบบ AI และระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งโดรน การค้ามนุษย์ หรือทหารกัมพูชาที่จะเข้ามาลอบวางระเบิด เราจะสามารถจับตัวได้ก่อน และเราสามารถบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งตนบอกว่าเหตุผลในการสร้าง ไม่ได้เป็นเหตุผลในการที่จะนำมายกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ


"ดร.เอ้" เสนอใช้เทคโนโลยี-สร้างรั้ว-ปราบเฟคนิวส์

ขณะที่ ดร.เอ สุชัชวีร์ เผยว่า หัวใจของประเทศก็คือประชาชน วันนี้รัฐบาลต้องพูดความจริงกับประชาชน เพราะวันนี้ผมลงพื้นที่ชายแดน พี่น้องประชาชนลำบากมาก เขาไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะกลับบ้านได้เมื่อไร ดังนั้นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือประชาชน ตนจะพูดความจริง ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรู้อนาคตของเขา ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร แล้วเราจะเยียวยาเขาทันที ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้อพยพเท่านั้นที่เราคิดถึง แต่เราต้องคิดถึงครอบครัวทหาร คิดถึงอาสาสมัคร ที่ไม่ใช่ทหารอย่างเดียว หมอ พยาบาล เดือดร้อนมาก อาสาสมัครทางการปกครองต่างๆ ผมจะดูแลเยียวยาเขาและครอบครัวอย่างดีที่สุด นั่นคือ เรื่องแรกที่ต้องทำ

จากนั้นปัญหาชายแดนกัมพูชาจะสู้ให้เบ็ดเสร็จมันมีสามสมรภูมิด้วยกัน หนึ่งคือสมรภูมิทางด้านกองทัพ ทุกท่านรู้ไหมว่าวันนี้ที่เราได้เปรียบกัมพูชา คือ ทางอากาศ ยูเอวีของประเทศไทยถูกสอยตกสองลำ ด้วยอำนาจทางอวกาศจากใครก็ไม่รู้ เชื่อไหมว่าวันนี้ประเทศไทยยังต้องตั้งเสา ส่งสัญญาณโดรน สัญญาณ UAV แบบนี้ในอนาคตเราไม่สามารถสู้เขาได้แบบยั่งยืน พรรคไทยก้าวใหม่เรารู้ว่าจะสนับสนุนกองทัพ ด้วยคนคุณภาพ และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีอวกาศ ที่ทำให้เราสามารถตรวจจับได้ นี่เป็นหนึ่งเรื่องที่เราต้องแสดงความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด

ประการสองคือเรื่องของสงครามเฟคนิวส์ เราสู้กัมพูชาไม่ได้เลยซึ่งเฟคนิวส์ภาษาอังกฤษออกไปทั่วโลก ดังนั้น ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะผนวกกำลังของคนที่มีความรู้ความสามารถ แล้วยกระดับสภาความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ทันสมัย เพื่อมาต่อต้านเรื่องเฟคนิวส์ และสุดท้ายคือสมรภูมิทางการทูต เราบอกให้กัมพูชาไปโกหกแบบนี้ไม่ได้ เราต้องผลักดันให้กัมพูชาออกจากอาเซียนได้แล้ว เพราะเป็นทั้งตัวการสแกมเมอร์ และคุกคามประเทศไทยก่อน

แต่ยังยืนยันในเรื่องของการสร้างรั้ว รั้วต้องสร้างให้รวดเร็ว ให้ปลอดภัย แล้วอย่าคิดว่ารั้วอย่างเดียวจะป้องกันได้ มันต้องมีเทคโนโลยีอวกาศคอยช่วย

ส่วนเรื่อง MOU 43-44 ผมเห็นด้วยว่าไม่ควรเอาเรื่อง MOU 43-44 มาเป็นประเด็นทางการเมือง เราควรจะดูเรื่องนี้อย่างละเอียดจริงๆ ไม่ใช่เราตัดสินใจโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปที่เราไม่ได้ประโยชน์ และเสียเปรียบด้วยซ้ำ

"อภิสิทธิ์" ย้ำการเจรจาเพื่อยุติ กัมพูชาต้องถอนอาวุธหนัก

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เสริมว่า จากคำพูดที่ว่า อย่าเอาชายแดนมาเป็นเรื่องการเมือง อยากจะบอกว่าวันนี้ที่มีเหตุชายแดน เพราะว่าการเมือง ทั้งจากฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา อันนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เราจะต้องจำไว้ ทีนี้เรื่องของการสร้างรั้วก็ดี หรือสร้างกำแพงก็ดี มันกลับจุดเดิมที่บอกคือ การเจรจาที่จะนำไปสู่การยุติสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ต้องมีเงื่อนไข เรื่องไม่ให้เขามีอาวุธหนัก หรืออาวุธที่จะมาโจมตี ถ้าไม่มีตรงนี้จะสร้างอะไรก็ถูกโจมตีได้ เราก็กลับไปที่เดิมอยู่ดี ส่วนเรื่อง MOU ขอพูดสั้นๆ ว่า MOU 44 ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นเลยเพราะมันถูกสร้างเพื่อหวังในการเจรจานำทรัพยากรมาแบ่งกัน โดยมีการลากเส้นอย่างที่หลายคนพูดไปแล้ว