“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจครอบครัวพลทหารเทอดศักดิ์ พร้อมเยี่ยมศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เสนอ 4 ประเด็น พักหนี้ และเยียวยาทุกครัวเรือนเท่าเทียม จี้ถามความชัดเจนจ่ายเบี้ย ชรบ. และระเบียบการเบิกจ่ายท้องถิ่น
วันที่ 22 ธ.ค. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ลำดับที่ 1 โพสต์เฟซบุ๊กภาพลงพื้นที่ชายแดน พร้อมระบุว่า มาเยี่ยมครอบครัวพลทหารเทอดศักดิ์ ศรีลาชัย ที่เสียชีวิตในสมรภูมิปราสาทคนา และพี่น้องในศูนย์อพยพใน 3 อำเภอ จังหวัดศรีสะเกษ
โดยคุณอา ผู้ดูแลพลทหารเทอดศักดิ์ตั้งแต่เล็ก เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิต ได้บอกว่า “ยังคิดถึง และอยากให้เขาอยู่” และเล่าว่า กองทัพดูแลดี เยียวยาให้แล้วบางส่วน และรอให้พี่ชายของเทอดศักดิ์เรียน กศน. จบ ม.3 ก็จะบรรจุเข้ารับราชการให้มาดูแลครอบครัวแทนเทอดศักดิ์ต่อไป
เมื่อถามถึงเงินเยียวยาอื่น ๆ จากรัฐบาล เช่น เงิน 10 ล้านให้กับทหารที่เสียชีวิต ทางครอบครัวไม่ได้เรียกร้อง เพราะไม่มีอะไรทดแทนชีวิตที่เสียไปได้ ซึ่งเข้าใจว่าหน่วยงานน่าจะกำลังดำเนินการให้อยู่ แต่ยังไม่ได้รับเงินในส่วนนี้
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ได้พูดคุยกับครอบครัวของพลทหารเทอดศักดิ์ เป็นเวลา 20 นาที ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณอาและครอบครัว อยากให้นึกถึงหน้าหลานและมีกำลังใจไปต่อ เพราะทุกวันนี้ยังมีอาการเครียด กินยานอนหลับจากหมอก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ ด้วยความเสียใจและคิดถึง
ช่วงเช้า ตนเองได้ไปเยี่ยมศูนย์อพยพใน 3 อำเภอ จังหวัดศรีสะเกษ เกือบทุกศูนย์ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านไปแล้วส่วนหนึ่ง นอกจากความรู้สึกอยากกลับบ้านที่อยู่ในใจพี่น้องชายแดนทุกคน มีประเด็นที่เป็นข้อเสนอจากในพื้นที่ ดังนี้
...
1) เนื่องจากทุกครอบครัวขาดรายได้ และเกือบทุกคนก็มีหนี้ โดยเฉพาะหนี้กองทุนหมู่บ้าน ที่ปกติช่วงปลายปี จะเป็นช่วงที่ต้องจ่ายงวดหนี้คืนกองทุน เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งหลายระลอกในปีนี้ ทุกครอบครัวในพื้นที่ปะทะที่รับจ้างขาดรายได้มาแรมเดือน ทุเรียน ยาง พืชผลเสียหาย เพราะดูแลและเก็บเกี่ยวไม่ได้ อยากให้มีนโยบายพักหนี้ โดยเฉพาะหนี้กองทุนหมู่บ้าน ที่ขณะนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกอง อยากให้พักหนี้เหมือน ๆ กันทุกกองทุน (ทุกหมู่บ้าน) รวมถึงหนี้ ธกส. ด้วย
2) เบี้ย ชรบ. 120 บาท/วัน เพิ่งได้รับไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แต่เป็นของเหตุปะทะครั้งก่อนช่วงเดือน ก.ค. - อยากทราบความชัดเจนของการจ่ายเบี้ย ชรบ. ในช่วงเหตุปะทะรอบนี้
3) เงินเยียวยารายครัวเรือน ปัจจุบันจ่ายให้เฉพาะบ้านที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิง แต่จากการสอบถามแกนนำผู้ใหญ่ในพื้นที่พบว่าโดยเฉลี่ย จะมีบ้านที่เขาขออยู่ต่อ ไม่อพยพไปอยู่ศูนย์ด้วยเหตุผลความจำเป็น มีจำนวนราว ๆ 10% ซึ่งบ้านที่ไม่อพยพจะไม่ได้รับเงินเยียวยา แต่ทุกบ้านล้วนได้รับผลกระทบเนื่องจากประกอบอาชีพไม่ได้เหมือนกับคนอื่น ๆ อยากให้รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายในส่วนนี้ ให้เยียวยาถ้วนหน้าทุกครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่อพยพ
4) ระเบียบการเบิกจ่ายท้องถิ่น ที่ปัจจุบันเทศบาล/อบต. ปลายทางที่เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ดูแลศูนย์อพยพต้องเป็นคนสำรองจ่ายไปก่อน โดยตามระเบียบจะสามารถเบิกคืนได้สูงสุด 5 วัน ทำให้เทศบาล/อบต. ปลายทางที่เขาพร้อมดูแลประชาชนต่างพื้นที่ที่อพยพมาต้องแบกรับ คชจ. แทน มีเสียงสะท้อนว่า อยากให้ปรับระเบียบให้นำงบประมาณจากเทศบาล/อบต. ต้นทางในพื้นที่อพยพ โอนมาสนับสนุนให้กับพื้นที่ปลายทางได้ ก็จะทำให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องเฉพาะหน้าแต่สำคัญ วันนี้มีการประชุม ASEAN Ministerial Meeting ที่มีวาระสำคัญคือการพบกันระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-กัมพูชา และได้ข้อสรุปว่าจะมีการพูดคุยเพื่อหารือรายละเอียดการหยุดยิงผ่านกลไก GBC ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ ตนเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีข่าวดีที่พี่น้องชายแดนอยากได้ยินในเร็ววันนี้ นั่นก็คือการได้ “กลับบ้าน”