“จุลพันธ์” ชี้เป้า สส. 200 ที่นั่งท้าทาย แต่เพื่อไทยทำได้ จาก “ศักยภาพพรรค-บุคลากร-นโยบาย” เผย “เยาวภา” เบรก “ยศชนัน”กลับเข้าวงการเมือง
วันที่ 22 ธ.ค.2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ ถึงการสู้ศึกเลือกตั้ง 2569 จะหนักที่สุดหรือไม่ว่า เป็นภาวะที่ไม่ปกติของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น หากถามว่ายากกว่าในอดีตหรือไม่ ขอบอกว่าหัวหน้าพรรคในอดีตหลายคนเผชิญกับภาวะที่วิกฤติกว่าตนมาก บางคนเจอการเลือกตั้งที่พ้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร บางคนเจอกับสถานการณ์ที่มีเลือดไหลออก มีการยุบพรรคมาใหม่ จำได้ไหมครับ ดังนั้น ยุคตนไม่น่ายากกว่าคนอื่น เพียงแต่อาจเป็นครั้งแรกในรอบ 20 กว่าปี หลังจากการเลือกตั้งครั้งแรกที่เป็นไทยรักไทย ที่มีคุณทักษิณ นำพาพรรคครั้งแรก
ซึ่งครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้เป็นที่ 1 จากการเลือกตั้ง คนจึงประเมินว่าเราอาจไม่ได้เป็นเต็งหนึ่ง ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเดินหน้าสู่การเลือกตั้งต่อไป
เมื่อถามว่าจากไทยรักไทย มาพลังประชาชน และเพื่อไทย ไม่ว่าจะผ่านสถานการณ์อะไร ก็เป็นที่ 1 มาตลอด จนครั้งที่ 2 กลับมาเป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเฉียดฉิวมาก จะเป็นศึกหนักของหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่เคยง่าย เพราะอยู่ที่มือประชาชน ก็เป็นภาระหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะทำความเข้าใจในการสื่อสาร แต่ตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะสามารถกลับมาอย่างแข็งแรงมาก
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าที่นั่ง สส. 200 คน นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นเป้าที่ท้าทาย ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ก็เป็นไปได้ ขนาดเพื่อไทยซึ่งเคยผ่านการเลือกตั้ง มีแลนด์สไลด์ก็ทำมาแล้ว เราเคยได้ถึง 377 สมัย นายกฯยิ่งลักษณ์มี 247 หรือ 249 สุดท้ายเราผ่านการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งเราจะผิดพลาดในหลายประเด็น โดยเฉพาะการบริหารกระแสในช่วงท้าย เราก็ยังมีถึง 141 เสียง เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่พรรคเล็ก ตนเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพของพรรค ด้วยบุคลากรของพรรค รวมถึงนโยบายที่เราจะนำเสนอในครั้งนี้เรายังตั้งเป้า 200 จริงๆ
...
เมื่อถามว่า แม้จะเพิ่งผ่านเรื่องคลิปเสียง อังเคิล สถานการณ์ไทย-กัมพูชามานั้น “มันก็ผ่านมาทุกอย่างในมิติที่ดำเนินการมา คนเป็นรัฐเราก็ดำเนินการหลายอย่าง มีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ถูกต้อง มันก็มีเหตุการณ์ที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายในอดีต เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เรื่องกองทุนหมู่บ้าน ก็ยังอยู่กับประชาชน แน่นอนว่าคนทำงานย่อมมีบาดแผล แต่เราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำมาเป็นประโยชน์กับประชาชน“ นายจุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เร็วไปไหม 2 ปี 6 เดือน ประเทศไทยมีนายกฯ 3 คนแล้วต้องเลือกตั้งใหม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในสภาฯ คุยกันเล่นๆ ว่า การเป็น สส. ครั้งนี้คุ้มมาก เพราะ สส. 2 ปีเศษ เลือกนายกฯ ไป 5 ครั้ง ไม่เคยมีมาก่อน ก็เป็นโจทย์ที่พวกเราต้องมานั่งคิดว่าคือสาเหตุ พรรคเพื่อไทยผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ เพราะเรามองว่ารัฐธรรมนูญ มีจุดบกพร่องอย่างมาก จุดเริ่มต้นผิด เนื้อหาภายในตั้งโจทย์ไม่ถูกต้อง สุดท้ายกลายเป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างความอ่อนแอให้กลไกประชาธิปไตยและพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นก็มีเหตุอันควรให้มีกระบวนการนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สุดท้ายแม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝัน
พวกตนบอกตั้งแต่ต้นว่า MOA มันล้มเหลว สุดท้ายมันก็พิสูจน์ว่า พวกตนถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามโค้งสุดท้ายสภาฯ ได้ส่งคำถามที่ 1 ไปยังรัฐบาลคือให้ประชามติว่า ประชาชน อยากจะให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งส่งไปที่ กกต.เรียบร้อย ก็หวังว่าจะได้ลงประชามติ และคงได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วย ในการที่จะเดินหน้ามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมื่อถามว่าทำไม พรรคเพื่อไทยต้องมีนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะผูกพันกับตระกูลวงศ์สวัสดิ์หรือไม่ นายจุลพันธ์ ยืนยัน ไม่เกี่ยวกันต้องพยายามแยกออก เวลาคนรู้จักกันคงไม่ได้เริ่มถามนามสกุลก่อน เราดูคนที่เนื้อ ที่ศักยภาพของเขา ความรู้ความสามารถดีกว่า ที่จะไปดูว่าเป็นใครมาจากไหน เทือกเขาเหล่ากอ มันไม่เคยมีที่ใครจะต้องไปถามลักษณะนั้น
“นายยศชนัน ไม่ใช่คนใหม่ของเพื่อไทย เพราะเคยลงสมัคร สส.เชียงใหม่ มาแล้ว แต่การเลือกตั้งโมฆะ ก็ไปใช้ชีวิตในมุมอื่น เป็นศาสตราจารย์ อยู่ที่ ม.มหิดล ซึ่งจุดนี้พิสูจน์ชัดว่าคงไม่ได้ใช้นามสกุล เพราะมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น มหิดล คงไม่ได้ถามนามสกุลก่อนที่บรรจุเป็นตำแหน่ง อธิการบดี รองคณบดีต่างๆ ตรงนี้เป็นการพิสูจน์ผลงานเอง จนเมื่อปีเศษที่ผ่านมา ก็ได้กลับเข้ามาเพราะมีความรู้เรื่องการนำเทคโนโลยี มาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ก็เข้ามาช่วยงานที่บ้านพิษณุโลกในการให้ข้อแนะนำ ก่อนมาร่วมกับทางพรรคคิดนโยบาย เพราะฉะนั้น นโยบายแพคเกจที่นำเสนอในครั้งนี้ ซึ่งนายยศชนัน รู้มากกว่าตน เพราะอยู่ในกระบวนการตั้งแต่ต้น จนจบ ในเรื่องของนโยบาย
การมาของนายยศชนัน ไม่เกี่ยวว่าจะต้องมีคนตระกูลชินวัตร ตนได้คุยกับนายยศชนัน บอกว่า จริงๆแล้ว นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แม่ของนายยศชนัน เบรกไม่อยากให้เข้าสู่การเมืองอีกครั้ง เพราะอย่างที่เห็นมีสถานการณ์ที่มีอำนาจนอกสภา แทรกแซงองค์กรอิสระที่ดำเนินการอยู่ การอยู่ในการเมืองบางครั้งมีความเสี่ยง แต่พรรคก็ทำเต็มที่เพราะคืออาชีพของเรา เราต้องการทำบ้านเมืองให้มันดีขึ้น” นายจุลพันธ์ กล่าว
พร้อมระบุ สังเกตพรรคภูมิใจไทยตอนนี้ มีการเชิญเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะคนนอกบางทีไม่ได้อยากเข้ามา ถ้าเราต้องการสร้างการเมืองที่มี นิติรัฐ นิติธรรม โปร่งใส ตอบโจทย์ชาวบ้าน เพื่อให้คนที่มีศักยภาพจากด้านนอกเข้ามาทำการเมือง มาพัฒนาประเทศร่วมกับเรา เราต้องปรับโครงสร้างของสังคม โครงสร้างพื้นฐานประชาธิปไตย