“สีหศักดิ์” ย้ำไทยไม่อยากให้การหยุดยิงเป็นแค่คำประกาศ หลังกัมพูชาเสนอให้หยุดยิง 4 ทุ่มคืนนี้ สุดท้ายให้ทหารทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันในการประชุม GBC วันที่ 24 ธันวาคมนี้ก่อน เพื่อกำหนดขั้นตอน กลับไปสู่ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา โดยไทยเสนอสถานที่ประชุมจังหวัดจันทบุรี แต่กัมพูชายังไม่ตอบรับ

วันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 12.00 น. ตามเวลามาเลเซีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชม. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ หารือถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท กัวลาลัมเปอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้แทนของกองทัพไทย ร่วมคณะมาด้วย โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากสมาชิก 11 ประเทศ ยกเว้นประเทศเมียนมา ที่ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ส่วนเวียดนามส่งเจ้าหน้าที่อาวุโสเข้าร่วมประชุมแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

การประชุมเป็นไปตามพิธีการของอาเซียน เริ่มจากนายโมฮามัด ฮาซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวเปิดการประชุม จากนั้นคณะผู้สังเกตการณ์ AOT รายงานการทำหน้าที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ AOT ในห้วงที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดเวทีให้สมาชิกได้แสดงท่าที โดยเริ่มจากประเทศคู่กรณี คือ ไทย และกัมพูชา แต่จัดลำดับการพูดตามตัวอักษร ดังนั้นกัมพูชา จึงเป็นฝ่ายพูดก่อน ตามด้วยไทย และฟิลิปปินส์ ในฐานะประธานอาเซียนปีต่อไป แล้วจึงให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเริ่มพูดตามตัวอักษรอีกครั้ง

หลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสีหศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมว่า อาเซียนมีความห่วงใยสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา จึงประชุมหารือกันว่า อาเซียนจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างไรบ้าง ขอบคุณมาเลเซีย ที่จัดการประชุมครั้งนี้ จริงๆ แล้วไทยสนับสนุนการหารือในเรื่องทำนองนี้ในกรอบอาเซียน เป็นเรื่องที่ควรจะคุยกันในภูมิภาค

...


ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความปรารถนาดีกับกัมพูชามาโดยตลอด ตั้งแต่กัมพูชามีสงครามกลางเมือง ก็สนับสนุนการแก้ไขเพื่อนำสันติภาพกลับมา เปิดชายแดนรับผู้อพยพให้มีที่พักพิงในประเทศไทย และเมื่อมีสันติภาพ ก็สนับสนุนให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีความปรารถนาที่ดีต่อเพื่อนบ้าน เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ไทยพยายามแก้ไขในกรอบทวิภาคี แต่กลายเป็นฝ่ายกัมพูชา ที่พยายามเอาประเด็นนี้ไปสู่เวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบของสหประชาชาติ แทนที่จะพยายามแก้ไขปัญหาระหว่างสองฝ่ายด้วยกัน ประเด็นที่ตนพยายามเน้น คือความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ

แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่มีการปล่อยเทปออกมาของการหารือนั้น กัมพูชาทำเพื่อแก้ไขปัญหาหรือเปล่า หรือเพื่อบั่นทอนรัฐบาลไทยในตอนนั้น ประเด็นคือ เรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ


ต่อมา มีการประชุมกันที่ปุตราจายา (มาเลเซีย) และหลังจากนั้นก็การประชุมที่กัวลาลัมเปอร์ มีการลงนามปฏิญญาสันติภาพ เพื่อเป็นเส้นทางไปสู่สันติภาพ แต่ต้องมีการปฏิบัติตามและทุกข้อกำหนดมีความสำคัญ โดยเฉพาะการลดอาวุธตามแนวชายแดน การลดกำลังทหาร การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบสแกมเมอร์ และการบริหารจัดการพื้นที่ที่รุกล้ำกัน

ทั้ง 4 ข้อมีความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด มีความสำคัญกับประเทศไทย เพราะเกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บขาขาด 6 ครั้งแล้ว และหลังจากลงนามไปแล้วยังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดครั้งที่ 7 เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลง ฉะนั้นไทยต้องหาเหตุผลว่า ทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งไทยก็ไม่ได้รับคำตอบจากฝ่ายกัมพูชาที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี สถานการณ์นำไปสู่การปะทะกันตลอดแนวชายแดน

นายสีหศักดิ์ กล่าวเน้นย้ำว่า การมาประชุมครั้งนี้ ไม่ได้มาแลกเปลี่ยนการกล่าวหาซึ่งกันและกัน เพราะรู้แล้วว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แล้วจะเดินหน้าไปอย่างไร ซึ่งฝ่ายกัมพูชาพูดถึงเรื่องการหยุดยิง แต่ไปพูดกับทุกฝ่าย ไม่เคยพูดกับประเทศไทยเลย แล้วจะให้เดินหน้าอย่างไรเรื่องการหยุดยิง ตนบอกเลยว่าการหยุดยิงไม่ได้มาด้วยการประกาศ อย่างกัมพูชาอยากให้หยุดยิงสี่ทุ่มคืนนี้ จึงยังไม่ใช่ แต่การหยุดยิงต้องมาจากการพูดคุยกัน มีข้อตกลงกันว่ามีมาตรการแบบไหนอย่างไร และมีการตรวจสอบอย่างไร ซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วย

ไทยก็มีข้อเสนอให้ทหารทั้งสองฝ่าย มาพูดคุยกัน ในโอกาสแรก ซึ่งตนบอกเลยว่า ให้ฝ่ายกัมพูชาเสนอมาเลยว่าเมื่อไรจะประชุม ในที่สุดก็ตกลงกันว่า จะประชุมวันที่ 24 ธันวาคม โดยกัมพูชาเป็นผู้เสนอ ซึ่งไทยก็ไม่ขัดข้อง ก็ดูว่าในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปใหม่นี้จะหยุดยิงกันอย่างไร จะมีมาตรการอย่างไรใครจะเป็นคนตรวจสอบ


เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นที่จะมีการกลับไปปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ คือต้องมีการหยุดยิงก่อน และต้องเป็นการหยุดยิงที่แท้จริง ไม่ใช่การหยุดยิงที่มาจากการประกาศซึ่งทุกคนพูดได้ทั้งนั้น ซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วยที่ไทยเสนอให้มีการประชุมกัน ระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย ในที่สุดก็ตกลงกันว่าเป็นการประชุมในกรอบ GBC ดีที่สุด ในวันที่ 24 ธันวาคม

รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ยืนยันตลอดเวลาในการพูดคุย ไทยยึดมั่นกับหลักการของไทย ต้องรักษาเกียรติศักดิ์ศรีของประเทศไทย และสิ่งที่ทำคือการปกป้องอธิปไตยของไทย เหตุการณ์นี้มาจากการละเมิดของฝ่ายกัมพูชา ละเมิดสิ่งที่ตกลงกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเฉพาะเรื่องทุ่นระเบิดซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ ไม่ใช่ที่มีคนพูดว่าเป็นอุบัติเหตุข้างถนน ไม่ใช่แน่นอน

ช่วงตอบคำถามของสื่อมวลชน รัฐมนตรีต่างประเทศ บอกว่าต่อมาไทยได้เสนอสถานที่ประชุม GBC ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ ที่จังหวัดจันทบุรี แต่ว่ากัมพูชายังไม่ตอบรับข้อเสนอเรื่องสถานที่ประชุม