ประธานอาเซียน หวัง “ไทย-กัมพูชา” หยุดยิง และงดเว้นจากการปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม ยึดหลักการทูต-สันติวิธี เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคอาเซียน

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 22 ธ.ค. 68 นายโมฮามัด ฮาซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เพื่อหารือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กล่าวในบางช่วงของการเปิดประชุมว่า ในฐานะประธานที่ประชุม เสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสียพลเรือนและความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและก่อให้เกิดการพลัดถิ่นภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

นับตั้งแต่เริ่มการสู้รบในเดือนกรกฎาคม นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ได้ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ผ่านการติดต่อประสานงานอย่างต่อเนื่องกับนายกรัฐมนตรีของทั้งกัมพูชาและไทย ส่งผลให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา และข้อตกลงอื่นๆ ที่ตามมาระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งกัมพูชาและไทย และมีนายกรัฐมนตรีอันวาร์ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นพยาน

ประธานอาเซียน เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการตามข้อตกลงและข้อตกลงสันติภาพเหล่านี้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ตลอดกระบวนการติดต่อประสานงาน นายกรัฐมนตรีอันวาร์ ยังได้สื่อสารอย่างแข็งขันกับผู้นำอาเซียนอื่นๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์

และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ประธานอาเซียนได้ถ่ายทอดความกังวลของมาเลเซีย และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายแสดงความยับยั้งชั่งใจ ยุติการสู้รบทั้งหมด และงดเว้นจากการปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม รวมถึงการใช้กำลังหรือการเคลื่อนที่ของหน่วยติดอาวุธ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2025 เวลา 22:00 น. (UTC+7) เป็นต้นไป

...


นายโมฮามัด ฮาซัน กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและไทย เพื่อหารือถึงแนวทางที่ดีที่สุดในการลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่กัมพูชาและไทยจะต้องยึดมั่นในจิตวิญญาณของการเจรจา สติปัญญา และความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อยุติความตึงเครียดและรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย ผ่านกลไกทีมสังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ยังได้ประสานงานอย่างแข็งขันกับคู่เจรจาจากกัมพูชาและไทย เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ ในประเด็นนี้ ซึ่งจะได้รับฟังการบรรยายสรุปจาก AOT ในระหว่างการประชุมลับนี้

นายโมฮามัด ฮาซัน หวังว่าการประชุมพิเศษครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นความพยายามของอาเซียนเพื่อให้เกิดเสถียรภาพขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยอาเซียนต้องทำทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค เป้าหมายไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลดความตึงเครียด แต่ต้องเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างฝ่ายที่ขัดแย้งกัน และเปิดโอกาสสำหรับการเจรจา แม้จะมีความแตกต่างกันอยู่

หากยังไม่มีคำตอบทั้งหมดสำหรับความขัดแย้ง ก็มีบางสิ่งที่มีพลังไม่แพ้กัน นั่นคือบทเรียนจากอดีต การหวนมองย้อนกลับไปถึงภูมิปัญญา ความสามัคคี และความไว้วางใจที่นำพาผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย จะช่วยให้อาเซียนค้นพบเข็มทิศนำทางสู่อนาคตได้ และตระหนักว่าความแข็งแกร่งร่วมกันคือทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาเซียน


ผู้ก่อตั้งอาเซียนได้ตอกย้ำวิสัยทัศน์นั้นในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในปี 1976 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ยังคงเตือนใจถึงหลักการพื้นฐาน 3 ประการที่ยั่งยืน

ประการแรก ความสำคัญของการทูต “วิถีอาเซียน” ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของอาเซียน ซึ่งมีรากฐานมาจากการเจรจา การปรึกษาหารือ และฉันทามติ

ประการที่สอง พลังแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ครั้งแล้วครั้งเล่า ความเป็นเอกภาพของอาเซียน ช่วยปกป้องอาเซียนจากแรงกดดันภายนอกและนำพาผ่านพ้นวิกฤต

ประการที่สาม รากฐานแห่งความไว้วางใจ ความยืดหยุ่น สร้างขึ้นบนความไว้วางใจ ไม่เพียงแต่ในสถาบันของอาเซียนเท่านั้น แต่ในกันและกันในฐานะครอบครัวของประชาชาติ