พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแคมเปญ “ไทยหายจน” สู้ศึกเลือกตั้ง 69 “อภิสิทธิ์” ย้ำไม่ทนความจน ไม่ทนทุนเทา ไม่เอาคอร์รัปชัน  พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต “กรุงเทพฟ้าใหม่ไปไกลกว่าเดิม”

วันนี้ 22 ธันวาคม 2568 พรรคประชาธิปัตย์เปิดแคมเปญ หาเสียงเลือกตั้ง ชื่อ “ไทยหายจน” ซึ่งจะเป็นทิศทางนโยบายของพรรค ที่อาสามาเปลี่ยนแปลง ให้คนไทยและประเทศไทย หลุดพ้นจากภาวะ “ทนหายใจ” ไปสู่ “ไทยหายจน”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจน ในที่นี้ไม่ใช่จนเงินอย่างเดียว แต่ต้องการสื่อถึง ความจนในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น จนปัญญา เพราะปัญหาการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ จนความคิดสร้างสรรค์ จนใจ ไม่เห็นทางแก้ปัญหา จนตรอก ไม่เห็นอนาคตที่ดีขึ้น คนไทยและประเทศไทยมีปัญหามากมาย ตั้งแต่ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะตัว คือเรื่องปากท้อง รายได้น้อย ค่าครองชีพสูงมีหนี้เยอะ ฝุ่น PM 2.5 น้ำท่วม ภัยจากมิจฉาชีพ

...

นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ปัญหาในระยะยาว ที่เป็นปัญหาของประเทศ คือ เศรษฐกิจอ่อนแอ เทคโนโลยีล้าหลัง การศึกษาไม่ดี ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม ปัญหาสังคมผู้สูงวัย หนักที่สุดและรุนแรงขึ้นทุกวัน คือ การทุจริต คอร์รัปชั่น ปัญหานักการเมืองสีเทาที่ใช้การเลือกตั้งฟอกตัว และทุนเทาที่ใช้ตลาดหุ้นฟอกเงิน ปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้รับการแก้ไข ประชาชนมองไม่เห็นทางออก ทนกันไปอย่างนี้มากว่าสิบปีแล้ว อยู่ในภาวะจำยอม จำใจ ทนหายใจไปวันๆ

พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า คนไทยและประเทศไทยต้องไม่ทนอีกต่อไป ไม่ทนความจน ไม่ทนทุนเทา ไม่เอาคอร์รัปชั่น และขออาสามาสร้างความเปลี่ยนแปลงร่วมกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้ไทยหายจน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวแคมเปญแล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน จะสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ถึงนโยบายที่เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้จริง เพื่อไปสู่เป้าหมาย “ไทยหายจน” ผ่านช่องทางการสื่อสารทุกรูปแบบ

ปัดตอบ “การดี” นั่งแคนดิเดตนายกฯ ปชป.

เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการเปิดตัวในช่วงไหนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้นๆ ว่า ภายในสัปดาห์นี้ ส่วน 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์มี ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายอนาคตศึกษา (Chief Foresight Officer) แห่ง FutureTales Lab ด้วยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้นะครับ เมื่อถามย้ำว่าแคนดิเดตนายกฯ 1 ใน 3 จะมีผู้หญิงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้นะครับ

ปชป. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต

ขณะเดียวกันวันนี้ (22 ธ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ยังได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้ง สส.กทม. ทั้ง 33 เขต โดยก่อนการเปิดตัว พรรคได้เปิดวีทีอาร์ของ นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค และวีทีอาร์ “เปิดตัวกรุงเทพฟ้าใหม่ไปไกลกว่าเดิม” หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นกล่าววิสัยทัศน์ต่อว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. ของพรรค

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อยากจะบอกว่าตัวเองอยู่กับพรรคมาเป็นเวลานาน ครั้งนี้มีผู้แสดงเจตจำนงสมัครลง สส.กทม. เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นครั้งแรกที่ต้องใช้หลายกระบวนการ ตั้งแต่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครส่งคลิปแสดงวิสัยทัศน์ แสดงเจตนาถ่ายทอดความมุ่งมั่นว่าต้องการมาทำอะไร จนให้ผู้สมัครตอบคำถาม และให้พูดถึงประเด็นปัญหาของคนกรุงเทพฯ ไล่เรียงจนถึงการสัมภาษณ์ของคณะกรรมการสรรหา ก่อนส่งให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้ตัดสิน

“จุดเริ่มต้นตัวเองอยากให้ทุกคนภาคภูมิใจ เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าทางพรรคเลือกถูกคนหรือไม่ เมื่อทั้ง 33 คนสวมเสื้อตัวนี้แล้วและกำลังต้องลงสู่สนามการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ตัวเองจะใช้เวลาช่วงต้นเพื่อที่จะบอกว่าภารกิจของพวกเราคืออะไร”

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศ ทั้งความสำคัญของเศรษฐกิจ ความสำคัญในแง่ระบบการบริหารราชการที่ทุกคนทราบกันดี กรุงเทพมหานครตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ทางการเมืองเหมือนกับเป็นหัวใจทางการเมืองด้วย เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะของการนำกระแสไม่มากก็น้อย บางครั้งไม่นำกระแสก็สวนกระแสไปเลย เพราะอยากยืนยันบางสิ่งบางอย่าง หลายครั้งได้เห็นว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นในเขตกรุงเทพมหานคร โดยหน้าที่ สส. คือผู้แทนของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งพื้นที่อย่างกรุงเทพมหานคร พี่น้องประชาชนดูจะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะในอดีตที่ผ่านมาประชาชนชาวกรุงเทพฯ แทบจะพูดได้ว่าเอาเรื่องพรรคการเมืองเป็นตัวตั้งในการตัดสินใจ เราจึงเห็นผลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครมักจะไปแบบทางใดทางหนึ่ง

พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสครองใจคนมาหลายสมัย ชนะแบบท่วมท้น ทั้งการเลือกตั้ง สส. เราเคยมีผู้ว่าฯ ที่ชนะการเลือกตั้งสองครั้งในระยะเวลาที่ไม่นานมานี้ ซึ่งตัวเองเชื่อว่าหากลงท้ายปี พ.ศ. ด้วยเลข 9 ประชาธิปัตย์จะชนะมาตลอด ซึ่งคะแนนทุกคะแนนได้มาด้วยตนเองและได้รับการสนับสนุน จึงต้องถามว่าตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์มีอะไรให้กับสังคมบ้าง

นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคไป เวลาประมาณ 2 เดือน เราปักธงชัดเจนว่าเรากับพี่น้องประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไปและสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการเมืองสุจริต สำหรับเรื่องอุดมการณ์ความคิด ความซื่อสัตย์สุจริต การยอมรับในกระบวนการประชาธิปไตย อย่ามองว่าเป็นเรื่องนามธรรม ทุกเรื่องย่อมกลับมาสู่ปัญหาที่ใกล้ชิดกับชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยช่วงหาเสียง ตัวเองรับรองได้ว่า “ต้องการแข่งขันเรื่องรถไฟฟ้า” ตัวเองยืนยันว่าระหว่างพรรคการเมืองที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงกับพรรคการเมืองที่ติดขัดเรื่องผลประโยชน์ที่ทับซ้อน ใครจะทำให้พี่น้องประชาชนได้ขึ้นรถไฟฟ้าในเงื่อนไขที่ดีกว่า

จากวันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งเราต้องเป็นกระบอกเสียงของจุดยืนพรรค และสิ่งที่เราบอกว่าจะไม่ทนจะต้องเริ่มต้น ต้องหาเสียงภายใต้กรอบกฎหมายบนความซื่อสัตย์สุจริต สำหรับตัวเองคนเป็นนักการเมืองที่ดีต้องมีเรื่องกฎกติกาและมารยาท ขอให้ยึดมั่นในแนวทางถูกต้อง สร้างกติกาทางการเมืองที่ดี จึงขอถือโอกาสนี้เปิดตัวผู้สมัครเพื่อให้ประชาชนและสื่อมวลชนรู้จักผู้สมัครมากขึ้น

ช่วงท้ายนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวอวยพรให้กับผู้สมัครบอกว่า ขอให้ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าและประสบความสำเร็จในการทำงาน เอาการเมืองสุจริตมาเปลี่ยนแปลงประเทศต่อไป

ว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. ปชป.  70% เป็นหน้าใหม่ 

หลังจากนั้น นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 33 เขต โดยผู้สมัครกว่า 70% เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน และทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามานั้นเข้ามาด้วยความสามารถของตนเอง และแสดงความมั่นใจในศักยภาพของผู้สมัครทั้งหมดที่จะช่วยนำพาให้ “กรุงเทพฯ ฟ้าใหม่ ไปได้ไกลกว่าเดิม”

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ 33 เขต ประกอบด้วย
เขตเลือกตั้งที่ 1 นายพีรวุฒิ พิมพ์สมฤดี
เขตเลือกตั้งที่ 2 ดร.เจษฎา เลิศธนสาร
เขตเลือกตั้งที่ 3 นายอภิมุข ฉันทวานิช
เขตเลือกตั้งที่ 4 นายพงศกร ขวัญเมือง
เขตเลือกตั้งที่ 5 นายนนธนัตถ์ บุนนาค
เขตเลือกตั้งที่ 6 น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร
เขตเลือกตั้งที่ 7 นายพงศ์พล เตมีย์
เขตเลือกตั้งที่ 8 นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา
เขตเลือกตั้งที่ 9 น.ส.วิเวียน จุลมนต์
เขตเลือกตั้งที่ 10 ดร.ชัยพร แก้ววาตะ
เขตเลือกตั้งที่ 11 น.ส.รมิดา อินทะแพทย์
เขตเลือกตั้งที่ 12 นางพิมชนก เก่าเจริญ
เขตเลือกตั้งที่ 13 นายภาณุพงศ์ ลักษณวิศิษฐ์
เขตเลือกตั้งที่ 14 รอ.ดร.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ
เขตเลือกตั้งที่ 15 น.ส.ฐิตยากร พรโรจนากูร
เขตเลือกตั้งที่ 16 นายสุนันท์ มีนมณี
เขตเลือกตั้งที่ 17 นายฐิติวัชร์ ดีประเสริฐวงศ์
เขตเลือกตั้งที่ 18 นายเชิดพันธุ์ เตี่ยไพบูลย์
เขตเลือกตั้งที่ 19 น.ส.กานต์ วนาดรวรวิศาล
เขตเลือกตั้งที่ 20 นายรัฐศักดิ์ สุขยิ่ง
เขตเลือกตั้งที่ 21 ดร.กิตพล เชิดชูกิจกุล
เขตเลือกตั้งที่ 22 นายปรินต์ ทองปุสสะ
เขตเลือกตั้งที่ 23 น.ส.วีร์ ศรีวราธนบูลย์
เขตเลือกตั้งที่ 24 น.ส.มารีญา ฤกษ์ดี
เขตเลือกตั้งที่ 25 นายชยิน พึ่งสาย
เขตเลือกตั้งที่ 26 นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล
เขตเลือกตั้งที่ 27 น.ส.มลฑาทิพย์ ทิพยธนาพัฒน์
เขตเลือกตั้งที่ 28 นายพร้อมพล ธรรมจินดา
เขตเลือกตั้งที่ 29 น.ส.ศิริขวัญ นิลกรรณ์
เขตเลือกตั้งที่ 30 นายคณพล พงศ์พิทยา
เขตเลือกตั้งที่ 31 พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์
เขตเลือกตั้งที่ 32 ดร.วิสวัส ทองธีรภาพ
เขตเลือกตั้งที่ 33 นายเจตน์สฤษฎิ์ เลิศธนสาร