“เท้ง” ยัน ปชน. พร้อมสุดเปิดชื่อผู้สมัคร สส. ยิ่งทำให้มีตัวเลือกดีที่สุด น้อมรับคำวิจารณ์ ไม่ถอดใจลาออกหัวหน้าพรรค ขอพิสูจน์สนามเลือกตั้ง 2569 โยนถาม “สุพิศาล” ไปไทยธรรม ย้ำไม่ใช่พรรคสำรอง


วันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์หลังจากการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคประชาชน หากดูรายชื่อทั้งจากแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อหลายคนเป็นคนมีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับในวงการยกตัวอย่าง นายอนุสรณ์ ธรรมใจ และผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ อีกหลายคนก็มาจากหลายแวดวงจึงเชื่อว่าทุกคนมีคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าตอนที่เป็นพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ส่วนการเปิดตัวก่อนก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่ได้เห็นหน้าตาทีมบริหารของรัฐบาลประชาชน เพราะเปิดตัวรองนายกรัฐมนตรีแต่ละด้านก็จะทำให้ประชาชนมีตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า

สำหรับเรื่องผลสำรวจความนิยมของทั้งพรรคประชาชนและตัวของหัวหน้าพรรคที่คะแนนความนิยมลดลำดับลงอย่างต่อเนื่อง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอน้อมรับทุกความเห็นและเข้าใจเสียงสะท้อนที่สะท้อนออกมาผ่านผลโพล หากถามว่าเพราะอะไรคะแนนความนิยมของเราถึงลดลง ก็คงเป็นเรื่องสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งการโหวตรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีหลายองค์ประกอบ แต่สิ่งที่เชื่อว่ามีความสำคัญมากกว่าคือการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นวันตัดสินอนาคตของประเทศ ประชาชนจะต้องออกไปใช้สิทธิ์ในการตัดสิน

ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปีที่เสียงของประชาชนจะสามารถกำหนดหน้าตาของรัฐบาลได้จริง เพราะไม่มีเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แล้ว และเป็นการเลือกตั้งอีกหนึ่งครั้งท่ามกลางกระแสวิกฤติหลายอย่าง ทั้งทุนสีเทาที่กำลังครอบงำประเทศ และการทุจริตคอร์รัปชัน ส่วยในวงการตำรวจ และการจัดการวิกฤติชายแดน และภัยต่างๆ เราคงไม่สามารถปล่อยให้ประเทศเดินหน้าแบบนี้ต่อไปได้อีก เสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงมีความหมายมากที่จะทำให้ประเทศไทยไม่ตกลงสู่ก้นเหว และได้หน้าตาของรัฐบาลที่สะท้อนเสียงของประชาชนในคูหาจริงๆ

...

เมื่อถามย้ำพอรู้ว่าพรรคประชาชนตัดสินใจผิดพลาดในวันนั้นเลยทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ในฐานะนักการเมืองเราทราบดีอยู่แล้ว แต่เข้าใจดีผลโพลที่ออกมาตนก็ไม่ปฏิเสธเลยว่าอาจจะเกิดจากการที่ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคประชาชนบางส่วนขาดความเชื่อมั่นจากการตัดสินใจที่ผ่านมา

“ผมก็น้อมรับและได้แสดงความจริงใจด้วยการขอโทษไปแล้ว แต่ก็อยากจะแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจให้ทุกคนได้เห็นการตัดสินใจที่ผ่านมาเรารับฟังทุกเสียงในพรรคอย่างรอบด้านแล้ว เราตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประเทศ อยากให้ประเทศมีทางออกจริงๆ แล้วการเลือกตั้งครั้งหน้าแม้ประเทศจะเผชิญกับวิกฤติหลายอย่าง ยังเชื่อมั่นว่าประเทศมีทางออกและมีความหวัง จะปล่อยให้ทุนสีเทา ระบบบ้านใหญ่ มาครอบงำการเมืองแบบนี้ต่อไปหรือไม่ จึงต้องเลือกตัวแทนของประชาชนที่มาทำประโยชน์เพื่อประชาชนจริงๆ”

ส่วนกระแสที่มีเข้ามากับพรรคประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าออกไป คนใหม่เข้ามา มองเป็นการปั่นให้กระแสของพรรคประชาชนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า มองเป็นเรื่องธรรมชาติของการเป็นพรรคการเมืองมวลชน และเป็นวิธีการทำงานแบบภาคประชาชนอยู่แล้ว อยากลองให้ทุกคนช่วยคิดว่ามีพรรคการเมืองไหนในประเทศนี้ที่ก่อนจะมีการเปิดผู้สมัครบัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะพาผู้สมัครแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อไปสมัครต่อ กกต. เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อสาธารณะอย่างรอบด้านแบบนี้ไหม ถ้าเราเลือกทำการเมืองแบบไม่อยากให้มีข่าวด้านลบ แต่เลือกที่จะทำการเมืองแบบปิดบัง เพราะกลัวจะเสียคะแนนความนิยมอย่างเดียว ก็จะทำอีกแบบหนึ่ง แต่พรรคประชาชนเชื่อการเมืองโปร่งใสตรงไปตรงมา ตัวแทนของประชาชนควรจะต้องได้รับการตรวจสอบโดยประชาชนได้ก่อนที่จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง

“กระแสดราม่าที่เกิดขึ้นไม่กี่วันนี้ กับคนที่ไม่ได้ไปต่อออกมาโพสต์แสดงความน้อยใจ แล้วจะย้ายไปอยู่พรรคอื่นหรือไม่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเราตั้งใจที่จะออกแบบกระบวนการแบบนี้อยู่แล้วเพื่อให้ประชาชนได้เฟ้นหาและตั้งข้อวิพากษ์วิจารณ์ให้เขามีตัวแทนที่ดีที่สุดในนามพรรคประชาชน”

นายณัฐพงษ์ ย้ำด้วยว่า ไม่ถอดใจและไม่ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน แม้จะมีหลายเสียงออกมาเรียกร้องหากยังอยากให้พรรคประชาชนได้ไปต่อในการเลือกตั้ง น้อมรับในทุกความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์ แต่จะขอพิสูจน์ตัวเองจากการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นตัวตัดสินการทำหน้าที่ในนามของหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมยืนยันว่าตนเองมีกำลังใจและความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างเต็มที่เพราะอีกไม่กี่วันก่อนจะถึงวันเข้าคูหา สิ่งเดียวที่จะเป็นทางออกของประเทศคือการรวมพลังของประชาชนทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวในการตั้งรัฐบาลที่จะทำประโยชน์เพื่อคนส่วนใหญ่ให้ได้ ซึ่งตนในวันนี้ก็คงไม่มีความลังเลใดๆ มีความตั้งใจอย่างเดียวคือเดินไปข้างหน้าและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและไว้วางใจพรรคประชาชนให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามต่อ กลัวจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองทำให้หัวหน้าพรรคประชาชนและ สส.อีก 44 คนไม่ได้ไปต่อหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ และทุกความเสี่ยงก็มีการบริหารความเสี่ยงไว้หมดแล้ว การมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนแล้ว สส. ที่มีความเสี่ยงทั้งคดี 112 และคดีอื่น ก็มีการปรับเปลี่ยนให้บางคนมาอยู่ในผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ย้ำว่าเราไม่ได้ประมาท เราบริหารจัดการอย่างเต็มที่ และยืนยันในความบริสุทธิ์ของเราที่ผ่านมาว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาฟ้องร้องทางการเมืองให้เกิดกระบวนการนิติสงคราม ขอย้ำไม่มีการเสียสมาธิและจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเต็มที่

ในช่วงท้าย นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการลาออกของ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ซึ่งเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาชน อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ไปสังกัดพรรคไทยธรรม ว่า ไม่ได้เกี่ยวว่าไปเปิดทางรอหาก 44 สส.ของพรรคประชาชนถูกตัดสินคดี แต่เหตุผลจะเป็นอย่างไรต้องไปถามเจ้าตัวโดยตรง และปฏิเสธว่าไม่ใช่การเตรียมพรรคสำรองไว้หาก สส. 44 คน ไม่ได้ไปต่ออย่างแน่นอน.