4 รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ปลุกใจว่าที่ผู้สมัคร สส. ต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจประชาชน ไม่ก้มหัวให้นายทุน-ระบบซื้อเสียง ชูนโยบายทำได้จริง ตั้งเป้าฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
วันที่ 19 ธันวาคม 2568 พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดอบรมสัมมนาว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นวันที่ 2 ที่โรงแรมเลอ มอนเต้ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นำโดยรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกอบด้วย นายวิทยา แก้วภารดัย, นายนราพัฒน์ แก้วทอง, นายโกวิทย์ ธารณา และ พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา เพื่อเตรียมความพร้อมและให้คำแนะนำให้แก่ผู้สมัครในการเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้ง พร้อมร่วมแบ่งปันประสบการณ์ทางการเมือง รวมทั้งข้อควรปฏิบัติในการหาเสียง ตลอดจนวิธีการรวบรวมเอกสารตามข้อกฎหมาย ข้อควรระวังเกี่ยวกับกฎหมายที่ผู้สมัครทุกท่านต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นายวิทยา กล่าวว่า ในปัจจุบันพรรครวมไทยสร้างชาติกำลังเดินหน้าสู้กับทุนเทาและระบบการซื้อเสียงที่แพร่ระบาดอย่างหนัก จนทำให้รัฐสภามีแต่ตัวแทนจากตระกูลบ้านใหญ่หรือเครือข่ายทุนเทา แทนที่จะเป็นตัวแทนจากภาคประชาชนอย่างแท้จริง และในฐานะที่เป็นผู้แทนประชาชนมาถึง 9 สมัย ขอยืนยันว่าการตัดสินใจร่วมงานกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะเห็นความใจถึงและซื่อสัตย์ในการทำงานที่มุ่งผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
“การเป็นผู้แทนฯ ต้องสำนึกเสมอว่าเรามาจากมือของประชาชนที่จับจอบจับเสียมมาทั้งชีวิต วันที่เขามาเลือกเรา ปากกาในมือเขามันหนักกว่าจอบกว่าเสียม ฉะนั้นเราต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจประชาชน เราไม่อ้ำอึ้งที่จะประกาศว่าเราไม่ซื้อเสียง เราต้องพาการเมืองกลับไปสู่ความบริสุทธิ์อีกครั้ง”
...
ทางด้าน นายนราพัฒน์ ระบุตอกย้ำยุทธศาสตร์การพลิกฟื้นภาคเกษตรกรรมไทย ผ่านโมเดลเกษตรสร้างรายได้ ลดรายจ่ายพลังงาน โดยมุ่งเน้นการตัดวงจรต้นทุนไฟฟ้าด้วยนโยบาย โซลาร์เสรี ควบคู่ไปกับการยกระดับการบริหารจัดการปัจจัยพื้นฐานทั้งระบบชลประทานและปุ๋ยอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังได้ชูนโยบายแก้ปัญหาความมั่นคงในที่ดินทำกินอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการเตรียมผลักดันให้มีการจัดตั้ง “ศาลที่ดิน” ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นกลไกกลางในการยุติข้อพิพาทเรื่องที่ดินทับซ้อนระหว่างรัฐและประชาชนที่ยืดเยื้อมานาน ให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างรวดเร็วและตรงจุด
ขณะที่ นายโกวิทย์ กล่าวต่อมาว่า พรรครวมไทยสร้างชาติพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราสู้จริง ทำจริง เด็ดขาดจริง นโยบายของพรรคไม่ใช่เพียงคำสัญญาทางการเมือง แต่คือวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะความลำบากของประชาชนและความเหลื่อมล้ำที่พุ่งสูงขึ้นคือวิกฤติที่รอไม่ได้ วันนี้เราต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า ในท่ามกลางภาวะตกงานและค่าครองชีพที่บีบคั้น เราจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชนให้กลับมาเข้มแข็งได้อย่างไร
นายโกวิทย์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายของเราคือการเปลี่ยนความเดือดร้อนให้เป็นพลังขับเคลื่อนชาติ โดยการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เกิดขึ้นจริงในทุกจังหวัด และทำให้กว่า 80,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ สามารถพึ่งพาตนเองและตั้งตัวได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าเราจะมี สส. จำนวนเท่าใด หรือต้องเผชิญกับอุปสรรคแค่ไหน ยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะมุ่งมั่นทำตามสิ่งที่พูดไว้ให้เป็นจริง เพื่อให้พี่น้องประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาสและเติบโตไปพร้อมกับประเทศอย่างมั่นคง
จากนั้น พันเอกเฟื่องวิชชุ์ กล่าวย้ำในอุดมการณ์การทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ปราศจากการยิงกระสุน หรืออิงระบบบ้านใหญ่ที่เน้นผลประโยชน์ต่างตอบแทน โดยชี้ให้เห็นว่าการที่พรรครวมไทยสร้างชาติยอมขัดผลประโยชน์นายทุนเพื่อลดค่าพลังงานให้ประชาชนได้ คือเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ และยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่อนุรักษนิยมที่หยุดนิ่ง แต่เราจะพลิกโฉมประเทศด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัยให้ก้าวหน้าบนความถูกต้อง
นอกจากนี้ พันเอกเฟื่องวิชชุ์ ยังชูนโยบายเสริมสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหารชายแดน และเสนอแนวคิดจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางแก้วิกฤติในแต่ละจังหวัด โดยใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้ประสานงานหลักเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของการอบรมสัมมนา นาวาอากาศตรีปุญณัฐส์ นำพา รองเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เน้นย้ำให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. ระมัดระวังเกี่ยวกับกฎหมาย กฎระเบียบการรับสมัคร และการรวบรวมเอกสารที่จะต้องใช้ในการยื่นสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. อย่างเป็นทางการด้วย.