อดีตทหารกว่า 500 นาย แสดงพลัง ลงชื่ออาสาไปร่วมรบแนวหน้า ด้าน “บิ๊กเล็ก” ย้ำหยุดยิง ถ้ากัมพูชาปรับกำลังออกไป ยันไทยโจมตีเฉพาะที่มั่นทางทหาร สวนทางกัมพูชาที่ยิงไม่เลือก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. 2568 ที่ลานหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตโฆษกและกรรมาธิการทหาร และที่ปรึกษากลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทย นายอิศรพงศ์ ณ เชียงใหม่ อดีตทหารผ่านศึกค่ายปักธงชัย ประธานกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทย นายอนุลักษณ์ ชอบสะอาด อดีตทหารผ่านศึกค่ายปักธงชัย ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทย นำกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทย อดีตทหารผ่านศึก บัตรชั้น 1-2-3-4 จำนวนกว่า 500 นาย เดินทางมาร่วมแสดงพลังนัดรวมพลใหญ่ โดยพร้อมใจกันลงชื่ออาสาไปร่วมรบแนวหน้ากับกองทัพไทยในการสู้รบกับกัมพูชา โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี โดยตั้งแถวร่วมขับร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี หลังกล่าวให้โอวาทถึงความเสียสละของพี่น้องทหารผ่านศึกในการร่วมกันปกป้องแผ่นดินไทยในช่วงบ้านเมืองมีภัยคุกคามจากประเทศเพื่อนบ้าน
...
ภายหลังเสร็จพิธีพลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ยังยืนยันคำพูดของเราว่า เราเองต้องการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และสันติภาพ ท่าทีของตนตั้งแต่เริ่มต้นมาต้องการสันติอยู่แล้ว บางครั้งสิ่งที่ตนพูดไปตั้งแต่ต้นระยะที่หนึ่งสื่อมวลชนก็ยังเคยตำหนิติติงตนด้วยซ้ำไป ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับวิธีที่ตนทำ ระยะที่สองหลังปะทะกันแล้วก็ต้องมาหาวิธีสันติตามขั้นตอน จนมาระยะที่สามตนก็ต้องว่าตามกองทัพเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ตนขอยืนยันว่าเราทำตามแนวทางสันติภาพมาโดยตลอด
ฝ่ายกัมพูชาเขาก็รับรู้ว่าตนพยายามมีการเจรจาพูดคุยกัน มันเป็นเรื่องของทั้งสองประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆเราก็ต้องขอขอบคุณในความปรารถนาดี ตนก็คิดอยู่เหมือนกันในวันที่จะประชุมพิเศษรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย คาดว่าประเทศต่างๆ ก็คงจะอยากให้เราหยุดยิง แต่ประเทศเหล่านั้นต้องคุยกับกัมพูชาให้เขาหยุดยิง เพราะว่าประเทศเริ่มต้นก็คือกัมพูชา ถามว่าถ้ากองทัพกัมพูชาไม่เคลื่อนกำลังเข้ามาตั้งแต่ตอนเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มันจะเกิดเหตุการณ์นี้ไหม เพราะว่าเราไม่ได้เคลื่อนกำลังก่อน ประเทศมหาอำนาจเขามีดาวเทียม เขาก็รับทราบว่ากัมพูชาเคลื่อนกำลังเข้ามาก่อน ฉะนั้นถ้าจะหยุดยิงสิ้นสุดอย่างถาวรเขาต้องปรับกำลังออกไป
ส่วนประเด็นที่อาจจะถูกตั้งถามในวันประชุมที่ 22 ธันวาคมนี้ ว่าทางเราได้มีการโจมตีกัมพูชาด้วยการทิ้งระเบิด ซึ่งทางกัมพูชา อ้างว่าการทิ้งระเบิดของเราทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบและเสียชีวิต พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนกำชับทางกองทัพมาตลอดตั้งแต่เริ่มการปะทะกัน ให้หลีกเลี่ยงโจมตีที่หมายพลเรือน ส่วนการโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดนั้น ทางกองทัพเราได้มีการประเมินและตรวจสอบแล้วว่าจุดที่เราโจมตีนั้นเป็นจุดที่หมายทางทหารเท่านั้น ซึ่งเรามีความจำเป็นต้องทำลาย เรามีเทคโนโลยีที่สามารถมองได้ว่าเป้าหมายตรงนั้นเป็นที่หมายทางทหารหรือที่หมายของพลเรือน ผิดกับกัมพูชา ที่เขาโจมตีโดยไม่ได้ตรวจสอบเลยว่าที่หมายตรงไหนเป็นทหารที่หมายตรงไหนเป็นพลเรือน จำได้ไหมตอนที่ปะทะครั้งแรกเราสูญเสียพี่น้องประชาชน ซึ่งตนถือว่ามาก นั่นคือกัมพูชาเองเขาไม่ได้สนใจที่ไหนเป็นพลเรือน ที่ไหนเป็นทหาร เรายืนยันมาตลอด ว่าเรายึดมั่นในสันติวิธี
ขณะที่ นายจรัญ จันทร์ไกรทอง อายุ 79 ปี อดีตทหารเกณฑ์ รุ่นแรกศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ปี 2510 เคยผ่านสงครามเวียดนาม และอยู่ประจำชายแดนไทยจ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มองดูแล้วรู้สึกสงสารเด็ก แต่สำหรับตนมันชินแล้ว ดูทีวีทุกวันเห็นแล้วก็อยากจะออกไปช่วยรบ ตอนที่เป็นทหารก็เป็นพลลาดตระเวน ส่วนความรู้สึกตอนนี้ก็อยากจะให้รบกันให้เด็ดขาด จบสิ้นกันไปเลย สั่งสอนให้เขารู้สึกจริงๆ ไม่ใช่พูดกันไปเรื่อย พูดไปก็ไม่มีประโยชน์