กต. แจง Fake news กัมพูชากล่าวหา F-16 ทิ้งบอมบ์เมืองปอยเปต ย้ำทำลายคลังอาวุธเท่านั้น เผย “สีหศักดิ์” ส่งหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่ฯ ปมห้ามคนไทยเดินทางกลับ ขัดต่อสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ  

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 ที่ห้องแถลงข่าวกระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้ว่า การคุ้มครองคนไทยในกัมพูชา ตามที่ฝ่ายกัมพูชาประกาศระงับการเดินทางข้ามแดนทางบกไม่ให้คนไทยสามารถข้ามแดนกลับไทยได้ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้มีหนังสืออีกฉบับถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงข้อห่วงกังวลถึงเรื่องนี้ว่า มาตรการดังกล่าวละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลพลเรือนในระหว่างสงคราม รวมถึงพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาเวียนนา ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ปี ค.ศ. 1963 โดยไทยได้เรียกร้องให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กำชับให้ฝ่ายกัมพูชา ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำว่ากระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะคนไทยในกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น การออกเอกสารเดินทาง การอำนวยความสะดวกในการเดินทางในกัมพูชา การหาที่พักชั่วคราว การออกบัตรโดยสารเครื่องบิน และการประสานกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อให้ออกใบอนุญาตออกนอกประเทศหรือ Exit permit

นายนิกรเดช ระบุว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม เป็นต้นมา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ ได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในกัมพูชาให้เดินทางกลับประเทศไทย จนถึงปัจจุบันมีผู้เดินทางกลับไทยแล้วกว่า 400 คน และยังติดต่อคนไทยในเครือข่ายเพื่อสอบถามความปลอดภัยและแจ้งเตือนให้เดินทางกลับไทยอย่างต่อเนื่อง

...

สำหรับคนไทยที่เมืองปอยเปต สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ได้มีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อให้คนไทยที่ประสงค์เดินทางกลับไทยสามารถเดินทางกลับไทยทางบกได้ แต่ได้รับการปฏิเสธ

นายนิกรเดช กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศระงับการเดินทางข้ามแดนทางบก สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ได้ประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มคนไทยให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เดินทางกลับไทยทางเครื่องบิน และสอบถามเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ตามเว็บไซต์ safe.consular.co.th ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังมีผู้ลงทะเบียนค่อนข้างน้อย และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว สถานทูตได้พยายามติดต่อตรง แต่ติดต่อไม่ได้ ขอให้ผู้ที่ลงทะเบียนแล้วและผู้ที่กำลังจะลงทะเบียน ระบุหมายเลขโทรศัพท์ หรือช่องทางติดต่อที่สามารถติดต่อได้

ส่วนกรณีที่มีข่าวเรื่องการจัดเที่ยวบินพิเศษ นายนิกรเดช กล่าวว่า สายการบินพาณิชย์ตามเส้นทางปกติยังมีที่ว่างค่อนข้างมาก จึงยังใช้สายการบินพาณิชย์เป็นทางเลือกแรกเนื่องจากรวดเร็วกว่า มีความสะดวก และยืดหยุ่นในเรื่องเวลา กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับสายการบินอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขอเรียนว่าหากมีความจำเป็นต้องใช้การเช่าเหมาลำ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน

ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีล่าสุด กระทรวงกลาโหมของกัมพูชา กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบินรบ F-16 ทิ้งระเบิด 2 ลูกในเมืองปอยเปต ขอย้ำว่าเป้าหมายของการปฏิบัติการทางอากาศของฝ่ายไทยคือการทำลายขีปนาวุธ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองปอยเปต ทุกภารกิจของฝ่ายไทยผ่านการกลั่นกรองหลายชั้น ทั้งในด้านข่าวกรองการทหาร คำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศ และมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือนอย่างเคร่งครัด เป้าหมายของเราคือเป้าหมายทางการทหารที่มีการยืนยันแล้วเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกัมพูชากลับเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าไปใกล้กับพื้นที่ของพลเรือนซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อประชาชนของตนเอง และขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ขณะที่ Fake news ที่สื่อกัมพูชารายงานว่า มีทหารไทยเสียชีวิตจากการปะทะกว่า 5,000 นาย และมีการนำเสนอภาพที่จัดทำขึ้นด้วยเอไอขอชี้แจงว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อมูลของกองทัพไทยได้รวบรวมและตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับคุณค่าต่อชีวิตของวีรชนของเราที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศอย่างกล้าหาญ โดยมีการเยียวยาดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างเหมาะสม ในทางกลับกัน ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ให้ค่าใดๆ กับทหารผู้เสียสละ

นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยจะมีผู้แทนฝ่ายทหาร ร่วมเป็นคณะผู้แทนไทย ซึ่งประเทศไทยพร้อมเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เพราะไทยไม่ได้ปิดกั้นการพูดคุยในกรอบอาเซียนและเชื่อมั่นว่ากลไกอาเซียนจะสามารถมีบทบาทที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง โดยไทยจะใช้เวทีของการประชุมครั้งนี้เพื่อชี้แจงให้สมาชิกอาเซียนทราบในข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไทยจะแจ้งจุดยืนของเราโดยเฉพาะปัจจัยสำคัญสามประการคือ

1. กัมพูชาจะต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน
2. การหยุดยิงกับกัมพูชาจะต้องเกิดขึ้นจริงและอย่างต่อเนื่อง
3. ฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่วมเก็บกู้ระเบิดกับฝ่ายไทยอย่างจริงจัง ซึ่งข้อนี้ยังไม่มีการบรรลุเงื่อนไขใดๆ

ประเทศไทยยังยืนยันและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่องซึ่งจะต้องอาศัยความจริงใจและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงจากกัมพูชา หากจะมีการหารือเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงขึ้นสองฝ่ายนั่นคือไทยและกัมพูชา และจะต้องมาจากการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ของทหารฝ่ายเรา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าหลักการพื้นฐานสำคัญในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ของฝ่ายไทยจะไม่เปลี่ยนแปลง จะยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย และย้ำว่าประเทศไทยปรารถนาจะเห็นสันติภาพ แต่สันติภาพนั้นจะต้องมาจากความพร้อมและความปลอดภัยของประชาชนและจะต้องเป็นสันติภาพที่มีความยั่งยืน

นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงการเดินทางเยือนญี่ปุ่นของนายสีหศักดิ์ เพื่อหารือข้อราชการตั้งแต่วันที่ 18 - 20 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์ในภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้พบปะกับประธานกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาญี่ปุ่น-ไทย เพื่อแลกเปลี่ยนชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทยซึ่งอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน

นายนิกรเดช ยังเปิดเผยถึงการพูดคุยระหว่างนายสีหศักดิ์ และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จีน นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รวมถึง อียู ซึ่งฝ่ายไทยได้พูดคุยเหมือนกับทุกประเทศ ขณะที่จีนได้แสดงความปรารถนาอยากเห็นความสงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะเพื่อนบ้าน โดยไทยปรารถนาที่จะมีสันติภาพ แต่ต้องมีเงื่อนไข 3-4 ข้อที่ฝ่ายไทยยืนยันมาโดยตลอด คือกัมพูชาประกาศหยุดการคุกคาม การหยุดยิง ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งนายสีหศักดิ์ได้พูดคุยถึงเงื่อนไขลดความตึงเครียดนำไปสู่การหยุดยิง รวมถึงให้ข้อมูลในการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่สำคัญได้เน้นย้ำว่าทหารสองฝ่ายต้องหารือก่อนไปสู่สันติภาพ ฝ่ายไทยไม่ต้องการให้เกิดการต่อสู้แม้แต่วันเดียว ฝ่ายจีนได้แสดงความพร้อมสนับสนุน หากต้องการการเจรจา