รทสช. เครื่องร้อนพร้อมลุยเลือกตั้ง “พีระพันธุ์” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั่วประเทศ ย้ำจุดยืน “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ”
วันที่ 18 ธันวาคม 2568 ที่โรงแรม เลอ มอนเต้ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จัดกิจกรรมอบรมสัมมนา ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ บางส่วนจากทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมศักยภาพของผู้สมัคร ในการลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ มีแกนสำคัญที่สุดคือยึดมั่น ‘ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ และไม่ว่านโยบายของพรรคจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ประเทศเพียงใด อุดมการณ์ปกป้องสถาบันหลัก จะยังคงสอดแทรกอยู่ในทุกภารกิจเสมอ และอีกหัวใจสำคัญในการทำงานของพรรคคือ แนวคิด “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” เพราะสิ่งที่ประชาชนคาดหวังมากที่สุด คือ มีคนที่พร้อมแก้ไขปัญหา และพยายามเข้าไปช่วยเหลืออย่างจริงจัง และพรรคต้องการคนที่เข้ามาทำงาน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง
โดยแนวนโยบายในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ มุ่งมั่นที่แก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติด้วยความ “เด็ดขาด” เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับ “พลิกโฉม” ประเทศ โดยเฉพาะวิกฤตความมั่นคงด้านอธิปไตย ปัญหาทุจริตงบประมาณ ทุนเทา สแกมเมอร์ ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก ปัญหาราคาพลังงาน ปัญหาภาคเกษตร และปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน
“วิกฤตเกิดจากปัญหาที่ไม่มีใครแก้ วันนี้ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาหลายอย่างที่กลายเป็นวิกฤต โดยเฉพาะความมั่นคงชายแดน ถ้าเราไม่ทุบโต๊ะเด็ดขาด ไม่มีวันจบ ไม่เสริมกำลังกองทัพไม่จบ นโยบายเราคือ ยกเลิก MOU 43-44 ร้อยเปอร์เซ็นต์ทันที เราจำเป็นต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาด จัดการกับการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ และพวกสแกมเมอร์ โดยเสนอบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เราจะค้ำจุนเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่ง และเดินหน้ารื้อโครงสร้างระบบพลังงานต่อไป ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน เพื่อลดภาระค่าพลังงานของประชาชน เราพร้อมสร้างสังคมที่มีคุณภาพสำหรับคนทุกวัย และเตรียมผลักดันภาคเกษตรกรรมของไทยให้เป็นธุรกิจการเกษตรที่สามารถสร้างรายได้สู่กระเป๋าเกษตรกรอย่างยั่งยืน” นายพีระพันธุ์ กล่าว
...
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวสรุปประเด็น ด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นแนวนโยบายของพรรคว่า ประเทศไทยถูกแช่แข็งมากว่า 20 ปี เนื่องจากไม่มีธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve อาทิ อุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการเกษตรแบบโอลีโอเคมี ฯลฯ ทั้งหมดเหล่านี้ ต้องอาศัยการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งต้องเกิดจากการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานที่ยังคงผูกขาดอยู่กับนายทุน รวมถึงการชูนโยบายลบประวัติเครดิตบูโร ที่สร้างปัญหาการแช่แข็งผู้มีรายได้น้อยไว้ 3 ปี ทำให้ไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำมาประกอบธุรกิจดำรงชีพได้ต่อไป
ขณะที่ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงนโยบายการยกระดับภาคเกษตรกรรมว่า จะลดต้นทุนของเกษตรกรด้วยการเร่งแก้ปัญหาพลังงาน ชูนโยบายโซลาร์เสรี ควบคู่กับการดูแลปัจจัยการผลิตทั้งที่ดิน ปุ๋ย และการจัดการน้ำ อีกทั้งแก้ปัญหาราคาผลผลิตผ่านการปฏิรูปสหกรณ์การเกษตร สร้างกลไกตลาดที่สมดุล ซึ่งรัฐต้องมีบทบาทเป็นคนกลาง ทั้งการสนับสนุนเครื่องจักรในการทำการเกษตร และรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ ที่ทำให้เกษตรกรได้รับการส่งเสริมอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
สำหรับกิจกรรมช่วงบ่าย เป็นการทำเวิร์กช็อปยกระดับทักษะการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์และเทคนิคการนำเสนอนโยบายเด่นในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างมาตรฐานการสื่อสารที่เป็นเอกภาพทั่วประเทศ และในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค. 68) จะให้ความรู้ด้านกฎหมายการเงินที่ใช้ในการเลือกตั้ง เพื่อเน้นย้ำความถูกต้องโปร่งใสตามระเบียบ กกต. พร้อมปิดท้ายด้วยการติวเข้มเทคนิคการหาเสียงเชิงรุก เตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่เพื่อ “สู้ให้ทุกปัญหา” เป็นที่ “พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง