“ยศชนัน” ชี้ตั้งเป้า สส.200 ถ้าไม่สำเร็จจับมือพรรคอุดมการณ์เดียวกัน ชูเร่งลดหนี้ คู่ขนานใช้วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี แก้ปัญหาประเทศ ขอโอกาสสิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้น

ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ ถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชม ศ.ดร.ยศชนันท์ เป็นคนมีความรู้ ความสามารถสูงมาก และเคยปรึกษางานสมัยอยู่กระทรวงสาธารณสุข ว่า ขณะนั้น นายอนุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส่วนตนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และทำเครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้เจอกันหลายครั้งว่าจะผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์อย่างไร เพราะประเทศไทยทำเซอร์วิสทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาต่างๆ หนึ่งในที่ที่ดีที่สุดของโลก แต่ขณะเดียวกัน การเจอเทคนิคใหม่ๆ ทางการแพทย์ ถ้าเราทำเครื่องมือแพทย์เป็น คิดค้นโดยเราและขายทั่วโลก

ส่วนจากนี้จะทำงานด้วยกันได้หรือไม่ ยืนยันทำงานด้วยกันได้หมด ซึ่งแต่ละพรรคมีนโยบายของตัวเอง การที่จะทำงานกับใคร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรามีความจำเป็นที่จะต้องหาพรรคการเมือง ที่คิดตรงกัน และประชาชนมองว่าน่าจะเหมาะสม เป็นแนวคิดที่ดูว่าจะร่วมกับใครใน

...

เมื่อถามว่าจะจับมือกับใครได้บ้าง ในการจับขั้วรัฐบาล ส้มหรือน้ำเงิน  ศ.ดร.ยศชนัน  กล่าวว่า ไม่ได้มีข้อแม้เรื่องการจับมือกับพรรคใด พรรคเพื่อไทยสามารถจับมือได้กับทุกพรรค เพียงแต่ว่าหลักคิดและแนวคิดเรา พรรคที่เราจะจับมือด้วยต้องมุ่งไปในทิศทางเดียวกันกับการทำนโยบายของเรา และจิตวิญญาณของพรรค รวมถึงเสียงของประชาชนที่มองเข้ามา

ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ประเมินไหมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้ สส. กี่เสียง หรือ พื้นที่ต่างๆไหลเข้าไหลออกอยู่พรรคอื่น เราจะได้มากน้อยขนาดไหนนั้น ศ.ดร.ยศชนัน กล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง เรามีประสบการณ์เรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2566 ที่พยายามผลักดันนโยบายที่เราศึกษา บางคนมองว่าเรามีเวลา 2 ปี แต่ความจริงเรามีเวลา 1 ปี กับ  1 ปี คือ นายกฯเศรษฐา 1 ครั้ง  นายกฯ แพทองธาร 1 ครั้ง คนละ 1 ปี ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงนายกฯ ทุกปีมันยากที่จะทำนโยบายบางอัน เพราะไม่ใช่นึกอยากทำก็ทำต้องผ่านกฎหมาย ผ่านอะไรหลายอย่าง เพราะฉะนั้นคนที่ทำจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้  ก็เข้าไปที่แต่ละกระทรวง แต่ละหน่วย  ใช้เวลาพอสมควร 

“การที่เราไม่มีศักยภาพทางการเมือง ทำให้เกิดปัญหาขึ้นพอสมควร ดังนั้นเราจึงตั้งเป้าที่เลข 200  เพื่อที่เราสามารถจะเป็นรัฐบาลที่มีศักยภาพทางการเมือง ที่จะผลักดันตัวนโยบายที่เราคิดให้ประสบความสำเร็จ การตั้งเป้ากับสิ่งที่จะได้ต้องแยกประเด็น สิ่งที่เราตั้งเป้าเพื่อมีเสถียรภาพทางการเมือง หากไม่มี การทำงานก็จะไม่ราบรื่นมากนัก แต่หากเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปได้ถึงเสถียรภาพ เราก็ต้องเลือกจับมือพรรคกับการเมืองที่มีอุดมการณ์ ในเรื่องการพัฒนานโยบาย ไปในแนวทางเดียวกัน” ศ.ดร.ยศชนัน  กล่าว

เมื่อถามว่า 100 จะถึงหรือไม่  ศ.ดร.ยศชนัน กล่าวว่า เราต้องใช้เวลาในการพิสูจน์เพราะผมคิดว่าถ้าวันนี้ประชาชนและทุกคนเปิดใจเริ่มรับฟัง ตั้งแต่ตนเปิดตัวมา ก็พยายามสื่อสารกับแต่ละคนค่อนข้างละเอียดว่า วันนี้ถ้าขอโอกาสให้ทุกคนมองตนเป็น ยศชนันท์ สิ่งที่ผมเดินมาทั้งชีวิต ในสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ด้วยตัวของตัวเอง วันนี้หากมีโอกาสจากกรรมการบริหารพรรค ที่ให้โอกาสเราเข้ามา ก็พร้อมจะสานในสิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้น นี่คือความรู้สึก ความในใจ

เมื่อถามว่าอีก 4-5 เดือนข้างหน้า ถ้าได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย จะแก้ปัญหาอะไรให้ประเทศก่อน ศ.ดร.ยศชนันท์  กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้โยงใยกันพอสมควร ต้องเดินหน้านโยบายแบบคู่ขนาน  โดย นอกจากเศรษฐกิจแล้ว กระทรวงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็คือกระทรวงเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันถ้าเราทำสินค้าอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจไม่ดีกับสิ่งแวดล้อม เงินกู้เริ่มมีปัญหา การจะส่งออกก็มีปัญหา เพราะฉะนั้นไม่ง่ายที่จะทำทีละเรื่องให้ประสบความสำเร็จ  ดังนั้นสิ่งที่พยายามนำเสนอคือ การทำให้ประชาชนสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการ เช่น เรื่องหนี้และค่าใช้จ่ายต่างๆ ต้องทำก่อน ในการอุปโภคบริโภค การเดินทาง ที่อยู่อาศัย จำเป็นต้องผลักดันนโยบายเพื่อให้ใช้ชีวิตมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ต้องทำเลย 

ส่วนที่สอง ต้องมองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพอะไรบ้าง ทั้งการเกษตร อุตสาหกรรม การผลิต และการบริการ จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ต้องทำทันทีด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่เรามีอยู่ เป็นกระดูกสันหลังให้ทุกอุตสาหกรรมของประเทศไทย ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น 

และสาม ต้องเชื่อมโยงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา แต่ความแตกต่างคือ จำเป็นต้องมีคนรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ไว้ที่ประเทศไทย ต้องไม่ใช่ฐานการผลิตอย่างเดียว ใครเข้ามาวิทยาการตรงนั้น เราจำเป็นต้องรู้ว่าเป็นอย่างไร ในสัดส่วนที่เหมาะสม และต้องแฟร์ด้วย

รวมถึงต้องทำการวิจัยและพัฒนา จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีของเราเอง เน้นโครงสร้างและภาพรวมของประเทศเพื่อแก้ปัญหาที่มันเชื่อมโยงกันอยู่

ส่วนผลโพลที่อยากให้แก้ไขเรื่องเศรษฐกิจปากท้องก่อน ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะแก้อย่างไรนั้น ย้ำว่า“ถ้าหนี้หมด ลดรายจ่ายที่จำเป็นต่อวัน ที่ต้องทำทันที เพื่อให้คนฟื้นกลับขึ้นมาได้ หลังจากนั้น เขาจะได้นึกออกแล้วว่า วันนี้เขาจะเริ่มชีวิตใหม่กับ SME นี้ รัฐบาลมีแนวทางอไรให้เขาบ้าง มีพันธ์พืชอะไรให้” ศ.ดร.ยศชนัน กล่าว