“ไชยชนก” ย้ำประชุมหุ้นส่วนโลกต้านสแกมเมอร์ไม่ใช่ ดึง “โลกล้อมกัมพูชา” แต่อยากให้ทั่วโลกรวมพลังกันต่อต้านสแกมเมอร์อย่างจริงจัง
วันที่ 17 ธ.ค.2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) กล่าวว่า การประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ตนคิดว่าไม่ใช่การเอาโลกมารวมพลังกันจัดการกับสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เจอทุกประเทศทั่วโลก จึงเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมกันให้ความร่วมมือ ในรูปแบบที่กฎหมายแต่ละประเทศ สามารถรองรับและช่วยจัดการปัญหานี้ได้
การที่กระทรวงดีอี ได้ร่วมลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (United Nations Convention Against Cybercrime) ที่ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จะทำให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในระดับนานาประเทศได้มากขึ้น ดังนั้นจึงถือเป็นทิศทางที่ดีและการจัดการกับปัญหานี้ ที่เป็นปัญหากับหลายชาติ จึงกลายเป็นปัญหาระดับโลก
ส่วนคำถามว่า การแก้ไขปัญหานี้จะเกิดเป็นรูปธรรมอย่างไร ตนมองว่า การจัดประชุมในครั้งนี้ได้ ก็ถือว่าเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุม แจ้งความประสงค์เข้ามาน้อยกว่าที่มาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ แต่เมื่อถึงงานจริงมีหลายประเทศที่มาเข้าร่วม สะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักว่าเป็นปัญหาระดับโลก และความน่าเชื่อถือ จริงจัง จริงใจของประเทศไทย ที่จะจัดการกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในเวทีโลก จึงถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างมหาศาลต่อมุมมองโลกที่มองประเทศไทยในเรื่องนี้
...
ส่วนกระทรวงดีอี จะวางแนวทางในการร่วมมือกับนานาชาติอย่างไรในการปราบอาชญากรรมออนไลน์ นายไชยชนก กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เราไม่ได้เจาะจงเฉพาะประเทศกัมพูชา และอยากให้ทุกประเทศรับรู้ว่า เทคโนโลยีไม่ใช่ปัญหา แต่เทคโนโลยีสามารถจะเป็นทางออกได้ แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ได้ควบคุมและตรวจสอบผู้เข้าใช้ให้ดี เทคโนโลยีที่ควรจะเป็นตัวตัดวงจรสแกมเมอร์ เช่น การสแกนม่านตา อาจถูกครอบงำ ก็กลายเป็นว่าแทนที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสแกมเมอร์ จะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ได้เลย ตรงนี้หากเรานำมาแลกเปลี่ยนข้อมูลบนเวทีนี้ และสามารถนำไปใช้ได้เพื่อป้องกันการเกิดภัยแบบเดียวกันในแต่ละประเทศ ก็จะส่งผลดีอย่างมหาศาล ต่อวิวัฒนาการเทคโนโลยี