กมธ.ศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 ลงมติเอกฉันท์ แนะฉีกเอ็มโอยู 44 หลังกัมพูชาจ้องฮุบเกาะกูดทั้งเกาะ ชี้ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ล้มเอ็มโอยู สิ้นสภาพข้อตกลงชั่วคราว 

วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา มีนายนพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม โดยภายหลังการประชุมนายนพดลกล่าวว่า กมธ.ประชุมมาแล้ว 12 ครั้ง เชิญผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูล และเดินทางไปศึกษาที่ จ.ตราด จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.สระแก้ว ผลการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ได้ข้อสรุปเป็นมติเอกฉันท์ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ด้วยเหตุผล 7 ประการ คือ

1. เส้นเขตไหล่ทวีป พ.ศ. 2515 ของกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยไทยชัดแจ้ง ไม่สมควรนำเส้นเขตดังกล่าวมาเป็นกรอบเจรจาใด ๆ

2. กัมพูชาแสดงเจตนารมณ์ไม่ปฏิบัติตามเอ็มโอยู 44 การแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวมิใช่ครั้งแรก กัมพูชาเคยแจ้งฝ่ายไทยเมื่อปี พ.ศ. 2538 ว่า เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาไม่สามารถเจรจาต่อรองได้

3. ไม่ปรากฏความคืบหน้าการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลตลอดเวลาอันยาวนาน

4. กัมพูชามีเจตนารมณ์อ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูดของไทยทั้งหมดหรือครึ่งหนึ่งของเกาะ ไม่มีเจตนาแก้ปัญหาเขตแดนทางทะเลไปพร้อม ๆ กับการแบ่งปันผลประโยชน์ ตามหลักการที่เป็นแก่นสาระสำคัญของเอ็มโอยู 44

5. กรอบการเจรจาไม่สามารถนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ได้ แม้กรอบการเจรจาจะผูกเรื่องการแบ่งเขตแดนทางทะเลเหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือเข้ากับการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือไว้ด้วยกัน แต่เป็นแนวทางเชิงทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้ การผูกมัดทั้ง 2 ประเด็นเข้าไว้ด้วยกัน จึงเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา

...

6. เอ็มโอยู 44 พ้นลักษณะข้อตกลงชั่วคราวไปแล้ว เพราะการเจรจาแบ่งเขตทางทะเลไม่มีความคืบหน้า จึงพ้นระยะเวลาชั่วคราว กลายสภาพเป็นทางตันแทน

7. ปัจจัยสภาวะแวดล้อมทางการเมือง สังคม การขาดความจริงใจจากกัมพูชาที่ส่งผลกระทบทางลบ ไม่เอื้อต่อบรรยากาศเจรจา กัมพูชามีเจตนาอ้างสิทธิไหล่ทวีป เพื่อให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เกินจากความเป็นจริง ไม่เคารพต่ออำนาจอธิปไตยทางทะเลโดยรอบเกาะกูดของไทย หากพิจารณาในภาพรวมที่ไม่แบ่งแยกว่า บกหรือทะเลกัมพูชามีเจตนาไม่ส่งเสริมบรรยากาศในการเจรจาแม้แต่น้อย ดังนั้นการยกเลิกเอ็มโอยู 44 เพื่อแสวงหาข้อตกลงชั่วคราวรูปแบบใหม่ เพื่อนำไปสู่ความคืบหน้าอย่างแท้จริง น่าจะเป็นแนวทางผ่าทางตันและบรรลุเป้าหมายแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายนพดล กล่าวต่อว่า กมธ. มีข้อเสนอว่า 1. หลักกำหนดเขตทางทะเลระหว่างรัฐยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หากเอ็มโอยู 44 ถูกยกเลิก โดยให้การกำหนดเขตทางทะเลของหน่วยงานรัฐยังต้องดำเนินต่อไป อาจออกมาตรการชั่วคราวให้หน่วยงานต่าง ๆ มีแนวทางดำเนินการเพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตยทางทะเลของไทย 2. กดดันกัมพูชาให้มาเจรจาแบ่งเขตทางทะเลเร็วที่สุด โดยแสดงเจตจำนงยกเลิกเอ็มโอยู 44 3. ใช้มาตรการทางนาวิกานุภาพกดดัน เช่น การปิดอ่าว การควบคุมเรือ สินค้าเข้าออกท่าเรือกัมพูชา 4. พิจารณาประกาศเส้นฐานตรงเพิ่มเติมให้ครอบคลุมตลอดแนวชายฝั่งประเทศไทย โดยเฉพาะด้านอ่าวไทยด้านตะวันออกและตะวันตก ในบริเวณชายฝั่งที่ยังมีสถานะเป็นเส้นฐานปกติ เนื่องจากแนวชายฝั่งดังกล่าว ยังมีเกาะและหินเรียงราย สามารถใช้เป็นจุดฐานสร้างเส้นฐานตรง รองรับการกำหนดเขตทางทะเลกับกัมพูชา โดยไม่กระทบกับเขตแดนทางทะเลที่ไทยได้ทำข้อตกลงไว้กับประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด 5. ศึกษาแนวทางกำหนดเขตทางทะเลระหว่างรัฐ โดยศึกษาจากผลการพิจารณาตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมเจรจากำหนดเขตทางทะเล

นายนพดล กล่าวว่า  6. การยกเลิกเอ็มโอยู 44 รัฐบาลต้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้เอ็มโอยู 44 สิ้นผลบังคับ เพื่อนับหนึ่งใหม่ เพราะ 24 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรคืบหน้าอยู่แล้ว การกลับไปใช้กฎหมายสากลน่าจะเป็นที่ยอมรับได้จากนานาประเทศ เมื่อกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลก็เป็นหน้าที่ต้องไปชี้แจงต่อสหประชาชาติหรือภาคีต่างๆ กัมพูชาแบบสมาชิกอยู่ อย่างไรก็ตามถ้าไม่ยุบสภาเสียก่อน สามารถนำมติกมธ.เสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา ส่งต่อไปยัง ครม. ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ครม. จะดำเนินการอย่างไร แต่ขณะนี้ถือว่าหมดหน้าที่ กมธ. อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะไม่ดำเนินการทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 แต่เชื่อว่าการที่กมธ.มาแถลงครั้งนี้ รัฐบาลก็น่าจะรับรู้แล้ว หากรัฐบาลต้องการรายงานฉบับเต็ม กมธ.ยินดีส่งให้อย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากยังไม่มีมติวุฒิสภา