เปิดประวัติ “บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่ 3 ป. นำทัพพรรคพลังประชารัฐสู้ต่อในสนามการเมืองเลือกตั้ง 2569 ไม่พลิกโผ ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี


วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ภายหลังพรรคพลังประชารัฐ เปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ 2569 ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง และ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้วันที่ 27-28 ธันวาคม 2568 เป็นวันรับสมัครเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

ประวัติ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

สำหรับประวัติของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม เกิดวันที่ 11 สิงหาคม 2488 อายุ 80 ปี (ณ พ.ศ. 2568) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เป็นบุตรคนโตของ พล.ต.ประเสริฐ กับนางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลทีโอที (เสียชีวิต) และนายพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ

...


ประวัติการศึกษา

พล.อ.ประวิตร จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล พ.ศ. 2505 จากนั้นปี 2508 สำเร็จการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และศึกษาต่อ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 สำเร็จการศึกษาในปี 2512 จากนั้นปี 2521 เข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 และในปี 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 ในปี 2556. โดย พล.อ.ประวิตร เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออกมาโดยตลอด โดยสังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ ทหารเสือราชินี และยังเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบก 2 นาย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือ บิ๊กป๊อก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ บิ๊กตู่ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 29


เส้นทางการเมือง

พล.อ.ประวิตร เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2551 ซึ่งต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ประจำกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 98/2552 กระทั่งปลายปี 2553 สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายาว่า “ป้อมทะลุเป้า” จากผลงานด้านความมั่นคงในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บรรลุเป้าหมาย รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณต่างๆ ที่ถูกครหา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ภายหลังการรัฐประหารปี 2557 พล.อ.ประวิตร ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงยังเป็นประธานคณะกรรมการอีกกว่า 50 คณะด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 พรรคพลังประชารัฐได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี และมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดย พล.อ.ประวิตร ได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรค จากนั้นวันที่ 24 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประวิตร เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนที่ในการเลือกตั้งครั้งต่อมาจะแยกกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยในการเลือกตั้งปี 2566 พล.อ.ประวิตร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ เพียงคนเดียวของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล โดยส่งบุคคลในพรรคไปร่วมเป็นรัฐมนตรี แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเอง


ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง อาทิ ก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พา สส. ออกไปยังพรรคกล้าธรรม ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ ก็เปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ก็ออกจากพรรคไปเป็นหัวหน้าพรรครักชาติ แต่ล่าสุดที่หลายคนเข้ามาเติมเพิ่มในพรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในนั้นคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งลูกชายอย่าง นายวัน อยู่บำรุง ย้ายมาก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับการเลือกตั้ง 2569 พล.อ.ประวิตร ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีพรรคต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่ลงสนามสู้ศึก จากนี้ต้องจับตาว่าในการเลือกตั้งใหญ่พรรคการเมืองใดจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นใคร.