“อนุทิน” บอกใจไม่ถึงพอ ชิงจังหวะสงคราม เอาอธิปไตย-ชีวิตทหารแลกคะแนนเสียง ภท. ยึดสำนวนช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม บอกแคนดิตเดทนายกฯ ภูมิใจไทย ตอบรับคนเดียวคือตนเอง
วันที่ 16 ธ.ค.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเปิดตัว แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย หลังพรรคเพื่อไทยชิงเปิดตัวไปแล้ววันนี้ว่า ยังมีเวลาอยู่ ขณะที่นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบรับ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังคุยกันอยู่ แต่ตอนนี้มีตอบรับเพียงคนเดียวคือ ตนเอง
ส่วนที่วันนี้พรรคเพื่อไทย เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ครบทั้ง 3 คน ก็แสดงความยินดีกับทั้ง 3 คนด้วย ซึ่งตนรู้จักทั้งหมด อย่าง นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ก็รู้จัก เคยหารือปรึกษาสมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถสูงมาก จะถือว่าพรรคภูมิใจไทยจะช้าไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็ยึดถือคติ ซึ่งผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า อืม เขาตอบแทนเเล้ว
แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่นคนไหนน่ากลัวหรือไม่สำหรับพรรคภูมิใจไทย นายกรัฐมนตรี ส่ายหน้าก่อนจะตอบว่า “ถามแล้วตอบยาก กลัวทุกคนล่ะครับ” เมื่อถามต่อว่า กลัวเด็กรุ่นใหม่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “กลัวหมดละครับ” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ภูมิใจไทยคาดหวัง 200 ที่นั่ง สส. นายอนุทิน ย้อนถามว่า ใครรายงาน ไม่ใช่ตน พร้อมยืนยันว่า เราทำดีที่สุดเท่าไหร่ก็เท่านั้น ประชาชนเป็นคนตัดสิน เราก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะสม มีความรู้ความสามารถ ถามมา 6 ปีคำตอบก็เหมือนเดิม
...
เมื่อถามว่า อยากได้สส.บัญชีรายชื่อเท่าใด นายอนุทิน กล่าวว่า อยากได้ 500 แต่ถ้าทำได้เท่าไหร่ก็อีกเรื่องหนึ่ง อยู่ที่ประชาชน ความอยากก็อยากได้เยอะ แต่ความเป็นจริงเราต้องทำการบ้านของเราให้ดี เลือกคนให้ดีทำนโยบายให้ดี สร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน และประชาชนเป็นคนตัดสินใจผมก็สไตล์แบบนี้
เมื่อถามว่ามั่นใจ ใช่หรือไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้พรรคภูมิใจไทยใหญ่ขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า ดูแล้วการเตรียมเลือกตั้งครั้งหน้า องค์ประกอบต่างๆ ไปในแนวโน้มที่พรรคจะใหญ่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอยู่ที่ประชาชนจะเลือกหรือไม่
ส่วนจุดขายของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น คือการทำงานตอบสนองคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เน้นในเรื่องของความมั่นคงทางเศรษฐกิจการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การเปิดกว้าง ให้มีที่ยืนในนานาชาติ ให้ความมั่นใจว่า ประเทศไทยสามารถที่จะเป็นที่มาท่องเที่ยว มาลงทุน สร้างรายได้ ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสหลายด้าน
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ได้วางกลไกหลายอย่าง ถ้าได้กลับมาจะได้ทำต่อให้ดีขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราได้ทำในสิ่งที่ พูดแล้วทำ ก็ยังไม่มีตรงไหนที่คั่งค้าง ส่วนจะเป็นพูดแล้วทำพลัสหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะพลัสหรือไม่พลัสก็แล้วแต่
ส่วนความคาดหวัง สส.กทม. นายอนุทิน กล่าวว่า การเป็นพรรคการเมือง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเราส่งให้ครบทุกเขต ถ้าแพ้คนก็ยังหวังว่าจะได้พรรค ส่วนถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าภูมิใจไทยได้ที่ 2 จะชิงจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดยาว ยังไม่ได้สมัคร สส. เลย
เมื่อถามว่าหลายคนวิเคราะห์ ให้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ 1 จะบอกได้หรือไม่ว่าทำไมประชาชนต้องเลือก นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่มีที่ประชาชนต้องเลือก แต่ถ้ามั่นใจว่าทำงานให้ได้ภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ การได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เป็นเรื่องที่ตนดีใจภูมิใจอยู่เงียบๆ ว่า การเข้ามาทำงานของตนทุกคน รู้วันมาและวันไปอย่างชัดเจน ทุกฝ่ายข้าราชการประจำกองทัพ ฝ่ายภาคเอกชน องค์กรอิสระ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ได้รู้สึกว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากใคร การขับเคลื่อนประเทศแม้จะมีระยะเวลาเพียง 3-4 เดือน แต่ก็สามารถขับเคลื่อนประเทศ ไปได้มากพอสมควร ทั้งระยะยาวการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการปกป้องอธิปไตยของประเทศเราทำด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายเป็นอย่างดี
ส่วนเสียงวิจารณ์ภูมิใจไทยชิงจังหวะสงคราม เกาะกระแสชาตินิยม สร้างคะแนนเสียงให้ตัวเอง นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนจะกล่าวว่า “ขออย่ามองโลกในแง่ร้าย ตนยังใจไม่ถึงพอที่จะเอาอธิปไตยของบ้านเมืองหรือเอาชีวิตของทหารของประชาชน มาแลกเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนเสียงหรือได้ประโยชน์ คิดแบบนี้ไม่ถูก” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ไปพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พูดคุยเรื่องเลือกตั้ง ได้คิดเผื่อกรณีหาก สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชายังไม่จบ หรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของ กกต.
เมื่อถามว่าหากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลครั้งหน้าปัญหาชายแดนจะจบอย่างสิ้นเชิงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็พยายามทำให้มันจบ โดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาบอกว่าหาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่เกิดปัญหา ชายแดนเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีหัวเราะ ก่อนจะบอกว่า ลองไปเปิดคอมเม้นดู
ส่วนความกังวลที่ขณะนี้ใกล้จะมีการเลือกตั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ตนกังวลเรื่องสถานการณ์ชายแดน และกังวลว่าจะทำอย่างไรให้หาดใหญ่ฟื้นฟู ตอนนี้คนกลับบ้านได้แล้ว แต่ภาคธุรกิจยังต้องฟื้นฟู ซึ่งเมื่อสักครู่ได้เร่ง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเรื่องของซอฟต์โลน เพื่อให้ประชาชนไปฟื้นฟู อย่างน้อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย หลังคาเรือนละ 100,000 บาท เป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือน และทรัพย์สินที่เสียหาย ต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้ เพราะแค่ 9,000 บาท จากการเยียวยานั้นไม่เพียงพอ
ส่วนกรณีค่าเงินบาทแข็งตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง ได้ให้นโยบายอย่างไรบ้าง เนื่องจากกระทบการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้บอก นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้หารือกับแบงก์ชาติ
เมื่อถามว่าการประชุมครม. วันนี้ เป็นการประชุมนัดแรกหลังการยุบสภา ได้กำชับอะไรในที่ประชุมบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำชับให้ขยันทำงาน เรื่องหาเสียงก็ทำไป แต่ต้องไม่ใช้เวลาราชการ สภาพความเป็นรัฐมนตรีก็ยังมีอยู่ จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ดังนั้น ยังอยู่กันอีกหลายสัปดาห์ ในการบริหารราชการแผ่นดินต้องไม่ชะงัก และจะต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่คิดถึงแต่เรื่องหาเสียง เพราะนั่นเป็นเรื่องของตัวเอง แต่ต้องคิดถึงบ้านเมืองและภาพรวมเป็นหลัก