“ภราดร” ชี้ช่อง ใช้ข้อยกเว้นกฎหมายประชามติ มาตรา 11 ส่งให้ กกต. ทำประชามติพร้อมวันเลือกตั้ง ชี้ช่วยประหยัดงบ 3,000 ล้าน ขณะที่กฤษฎีกาก็ไม่คัดค้าน
เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเสียงท้วงติง การทำประชามติพร้อมวันเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 ไม่สามารถทำได้เพราะระยะเวลาไม่ถึง 60 วันว่า ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 11 ที่ระบุว่า ให้นำมาตรา 9 (2) (3) (4) และ (5) ส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำประชามติได้ โดยสามารถร่นระยะเวลาเป็นอย่างอื่นได้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็อาจจะดำเนินการตามนี้ โดยเฉพาะมาตรา 9 (2) ที่ระบุว่าการออกเสียงประชามติ กรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุอันสมควร ซึ่งเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีโดยแท้ และ (4) ที่ระบุว่าการออกเสียงประชามติในกรณีที่รัฐสภาได้พิจารณา และมีมติเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรออกเสียง และได้แจ้งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะ (4) รัฐสภาก็ได้ส่งเรื่องมายังคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเข้าข้อยกเว้นของมาตรา 11 เพราะเห็นว่าหากทำพร้อมวันเลือกตั้งจะเป็นการประหยัดงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ส่งความเห็นตามข้อกฎหมายไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 11 ประกอบมาตรา 9 (2) และ (4) ซึ่งกฤษฎีกาก็ไม่ได้ทักท้วง
นายภราดร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการยกเลิก MOU 43-44 ที่ไม่สามารถทำประชามติได้นั้น เนื่องจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทักท้วง เพราะมองว่าจะทำให้มีผลผูกพันกับรัฐบาลหน้า ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เกี่ยวกับข้อห้ามของรัฐบาลรักษาการ
...
ส่วนเรื่อง MOA จะอธิบายสังคมอย่างไร เนื่องจากถูกบรรจุอยู่ในนโยบายรัฐบาลที่เคยแถลงต่อรัฐสภา แต่สุดท้ายไม่สามารถทำได้ นายภราดร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามีความจริงใจและแสดงให้เห็นมาตลอด ว่าจะทำคำถามประชามติเรื่องดังกล่าว แต่เนื่องจากอุบัติเหตุ เราจึงถามไปที่กฤษฎีกาว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งกฤษฎีกาบอกว่าทำไม่ได้เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงไม่สามารถทำการใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญได้