มติ สมช. สกัดเรือไทยส่งน้ำมันไปกัมพูชา เตรียมเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์ รับคนไทยกลับ ด้านปลัดพลังงาน ชี้ ผู้ค้าและส่วนเกี่ยวข้องยืนยัน รถบรรทุกด่านช่องเม็ก ส่งน้ำมันในลาว ไม่ได้ส่งต่อไปกัมพูชา
เมื่อเวลา 10.55 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2568 นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยถึงผลประชุม สมช. ว่า การช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างอยู่ที่กัมพูชาประมาณ 3,000-4,000 คน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการประสานกับคนไทยเหล่านั้นที่จะหาทางดำเนินการส่งคนไทยกลับโดยทางเครื่องบินพาณิชย์ โดยมีระบบในเรื่องของการยืมเงินสำรองจ่าย การเช่าเหมาลำตั๋วเครื่องบินที่จะไปรับคนไทยกลับประเทศ ซึ่งจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนเรื่องของการเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เนื่องจากที่ผ่านมามีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว ก็จะมีการประมวลรวบรวมผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตล่าสุดนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อมีเงินเยียวยาเพิ่มเติมจากที่เคยอนุมัติก่อนหน้าหน้านั้นแล้ว ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการดำเนินการต่อ
สำหรับเรื่องการสกัดกั้นน้ำมันและยุทธปัจจัยทางทะเล ที่ประชุม สมช. มีมติมอบทางศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ นับตั้งแต่เรื่องของการแจ้งเตือนเรือไทยที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้ได้รับทราบ รวมถึงเรื่องของการประสานกับกรมเจ้าท่าในการตรวจเรือไทย โดยเน้นเรือไทยเป็นหลักที่จะมีการขนส่งสินค้า ซึ่งจะเอื้อต่อการทำสงครามในกัมพูชา ก็จะมีการตรวจเรือไทยที่มีที่หมายทางสินค้าเพื่อควบคุมให้เกิดความเรียบร้อยไม่ให้เอื้อต่อการดำเนินการดังกล่าว ส่วนเรื่องของสินค้ายุทธภัณฑ์ ยุทธปัจจัยต่างๆ ก็มอบกระทรวงกลาโหมไปดำเนินการกำหนดสินค้าที่จะควบคุมในการส่งไปยังกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้ายุทธภัณฑ์ ยุทธปัจจัยต่างๆ ยึดตามพระราชกำหนดควบคุมสินค้าตามชายแดน พ.ศ. 2524 เป็นกรอบในการดำเนินการ
...
ทางด้าน นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำมันที่ติดค้างอยู่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในส่วนของกระทรวงพลังงาน ได้ตรวจสอบแล้ว และขอยืนยันว่าเราไม่มีการส่งออกน้ำมันจากไทยไปกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางเรือ ได้รับการยืนยันจากผู้ค้าน้ำมันเอง รวมถึงทางกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่ด่านช่องเม็กเป็นการส่งน้ำมันจากไทยไป สสป.ลาว ปริมาณน้ำมันโดยรวมไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เป็นปริมาณที่ปกติ อยู่ที่เดือนละประมาณ 100 ล้านลิตร แต่หากดูเป็นวัน การขนส่งแต่ละวันก็อาจแตกต่างกันไป เฉลี่ยต่อวันประมาณ 20 คันที่ผ่านด่านช่องเม็ก แต่หากดูสถิติบางวันอาจจะ 5 คัน หรือบางวันอาจจะ 50 คัน ก็เป็นไปได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเมษายน เป็นช่วงหน้าร้อนหรือเป็นช่วงที่หมดฝน ทางลาวก็ใช้น้ำมันเยอะกว่าปกติหรือเยอะกว่าเดือนอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกปี เนื่องจากช่วงหน้าฝนเขาทำเหมืองไม่ได้ และน้ำมันที่เขานำเข้าไปก็เป็นน้ำมันดีเซล ไปใช้ในกิจการเหมืองของเขา ซึ่งทางลาวตอนใต้มีทั้งเหมืองดิน เหมืองหิน เหมืองปูน หรือเหมืองถ่านหิน โดยยืนยันกับทางผู้ค้าว่าผู้ที่ใช้เป็นลาว ไม่ได้ส่งต่อให้กับกัมพูชา จึงจะต้องมีการหารือว่าเราจะมีกลไกอะไรที่ให้เกิดความมั่นใจได้ว่าน้ำมันที่เราส่งไปที่ลาวนั้นใช้ในประเทศลาวจริงๆ และตอนนี้ทางประเทศลาวก็แจ้งมาแล้วว่าเขาเริ่มมีปัญหา เพราะน้ำมันที่เขาซื้อไปจากเราก็ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศ พอเขาไม่มีส่วนนี้ก็ลำบาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการหารือว่าจะมีกลไกอะไรที่จะยืนยันในเรื่องของน้ำมันที่ไม่ได้หายไปไหน ใช้ในประเทศลาวจริงๆ เพื่อจะให้เปิดด่านช่องเม็กให้สามารถส่งน้ำมันได้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามต่อ จะมีความจำเป็นให้รัฐบาลเข้ามาการันตีหรือไม่ นายประเสริฐ ระบุว่า จริงๆ แล้วทางรัฐมนตรีของเขาซึ่งใช้ชื่อว่ากระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ก็มีหนังสือแจ้งมาทางกระทรวงพลังงานแล้วว่า น้ำมันที่ส่งไปเป็นการพัฒนาประเทศในลาว และบังเอิญว่ารัฐมนตรีของเขาจะเข้ามาที่กระทรวงพลังงานในบ่ายวันนี้ ก็จะได้หารือกันว่าจะมีกลไกหรือยืนยันอย่างไร โดยเราขอความร่วมมือจากทางเขาว่าการขนส่งไปกัมพูชานั้นต้องไม่มี เพราะทางเขาก็ไม่ได้ผลิตน้ำมันเองอยู่แล้ว จะต้องดูว่าจะสามารถทำกลไกอะไรเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ และกัมพูชาเองไม่ได้ซื้อน้ำมันจากไทย แต่เขาซื้อจากเวียดนาม จีน สิงคโปร์ ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งน้ำมันจากไทย
ส่วนข่าวลือที่ว่ามีบริษัทเอกชนรายใหญ่ส่งน้ำมันไปกัมพูชานั้น ปลัดกระทรวงพลังงานยืนยันว่า เราไม่มีการส่งน้ำมันจากไทยไปกัมพูชา การที่จะส่งต้องผ่านทางศุลกากร และหากส่งทางเรือก็ต้องผ่านกรมเจ้าท่า ทางผู้ขายเองก็ต้องรายงานว่าผลิตน้ำมันแล้วส่งไปไหน ซึ่งเราดูแล้วก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ฉะนั้นอาจต้องระวังข่าวปลอมนิดหนึ่ง.