“กลาโหม” ย้ำจุดยืน “ไทย” ชัด ยึดหลัก 7 ประการคุมสถานการณ์ชายแดน แฉ กัมพูชา จ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติ ย้ำความจริงมีหนึ่งเดียว คือ “ความจริงจากประเทศไทย”
วันที่ 16 ธ.ค. 2568 พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยืนยันว่า ไทยยึดหลักการปฏิบัติการทางทหาร 7 ประการ มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง เพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างรอบคอบ และมุ่งสู่สันติภาพในระยะยาว
ประการแรก ไทย ไม่ใช่ฝ่ายริเริ่มความขัดแย้ง แต่เป็นฝ่ายที่ถูกยั่วยุและถูกกระทำจากฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การปะทะและความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
ประการที่สอง ไทยยึดมั่น หลักกติกาสากล ในการปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการอย่างจำเป็น ได้สัดส่วน และมีการแยกแยะเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยมุ่งโจมตีเฉพาะ เป้าหมายทางทหาร เพื่อฤทธิ์รอนขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม
ประการที่สาม ไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการ หลีกเลี่ยงการโจมตีที่อาจกระทบต่อพลเรือน โดยยืนยันว่า หัวใจของการปฏิบัติการครั้งนี้คือการลดศักยภาพทางทหาร ไม่ใช่การทำร้ายประชาชน ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชายังคงเป็นเพื่อนบ้านที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ประการที่สี่ การปฏิบัติการของไทยเป็นไปในลักษณะ เฉพาะจุดต่อภัยคุกคาม มีการคัดเลือกเป้าหมายอย่างรอบคอบ และเป็นเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
ประการที่ห้า กรณีการอพยพประชาชนในฝั่งกัมพูชา ยืนยันว่าเป็น การตัดสินใจของฝ่ายกัมพูชาเอง ไม่ได้เป็นผลจากการปฏิบัติการของฝ่ายไทย โดยสถานการณ์ความตื่นตระหนกและความโกลาหลที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการสร้างบรรยากาศของฝ่ายกัมพูชา ไม่ใช่การริเริ่มจากไทย
...
ประการที่หก ไทยยึดมั่นใน หลักมนุษยธรรมสูงสุด ให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิต ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยให้ความสำคัญกับประชาชนไทยเป็นลำดับแรก และพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนกัมพูชาหากมีความจำเป็น
และประการสุดท้าย ไทยมี เป้าหมายสูงสุดคือสันติภาพ โดยเชื่อว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะต้องยุติลงด้วยการเจรจา และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีในอนาคต
เดินหน้า 3 สมรภูมิหลัก
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมยังระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบันดำเนินอยู่ใน 3 สมรภูมิหลัก ได้แก่สมรภูมิแรก คือ มิติทางการทูต ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ชี้แจงจุดยืนของไทยต่อประชาคมโลกอย่างต่อเนื่องและชัดเจน
สมรภูมิที่สอง คือ มิติข้อมูลข่าวสาร หรือ Information Dimension ซึ่งเป็นสนามรบของสงครามข่าวสาร ทั้งข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน และความพยายามยั่วยุผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียจากฝ่ายกัมพูชา ถือเป็นสมรภูมิที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
และสมรภูมิสุดท้าย คือ มิติการปฏิบัติการทางทหารตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นกำลังพลของทั้งสองฝ่าย หรือประชาชนในพื้นที่ แต่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ เนื่องจากการยั่วยุและการสร้างสถานการณ์จากฝ่ายกัมพูชา
พบ กัมพูชา ใช้ล็อบบี้ยิสต์
โฆษกกระทรวงกลาโหมยังเปิดเผยเพิ่มเติมถึง กระแสข่าวการใช้ล็อบบี้ยิสต์ของฝ่ายกัมพูชา เพื่อประโคมข่าวในเวทีระหว่างประเทศ โดยยืนยันว่าพบการใช้ล็อบบี้ยิสต์จริง สังเกตได้จากการปรากฏตัวของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันตก ที่ออกมาเรียกร้องผ่านภาพและวิดีโอในพื้นที่ต่างๆ ของกัมพูชา
ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าว มีลักษณะเป็นการ สร้างภาพและบรรยากาศ เพื่อให้ประชาคมโลกเกิดความเห็นใจต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งที่การปฏิบัติการทางทหารของไทยมีเป้าหมายเฉพาะ และไม่มีเจตนาโจมตีพลเรือนแต่อย่างใด
โฆษกกระทรวงกลาโหมจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร เพิ่มความระมัดระวังต่อข่าวที่ออกมาจากฝ่ายกัมพูชา พร้อมย้ำว่า ข้อเท็จจริงและความจริงมีแหล่งเดียว คือ “ความจริงจากประเทศไทย” ทั้งนี้ ไทยจะยังคงบริหารจัดการทั้งสามสมรภูมิอย่างรอบคอบ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ความสงบสุขและสันติภาพในพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืน