“อภิสิทธิ์” นำทัพ ปชป. เยี่ยมให้กำลังใจชาวหาดใหญ่ รอบที่ 3 ชง 2 เรื่องด่วน ขอ กกต. อนุมัติงบฯ รัฐบาลฟื้นฟูเยียวยา พ่วงจี้รัฐบาลทำต่อ คนละครึ่งเฟส 2 เฉพาะพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใต้
วันที่ 15 ธันวาคม 2568 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมคณะผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่ จ.สงขลา เข้าเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องประชาชน นักเรียน ภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุมหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมชื่นชมเหล่าจิตอาสาที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทั้งการล้างบ้านเรือน ซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมรถจักรยานยนต์ รถยนต์ การร่วมกวาดล้างเก็บขยะ สิ่งของที่เสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ โดยเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันฟื้นฟูเมืองอย่างเร่งด่วน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงสุญญากาศทางการเมืองเช่นนี้ ทำให้การช่วยเหลือหรือการขับเคลื่อนงานเล็กๆ น้อยๆ ต้องหยุดชะงักลง โดยเฉพาะการสนับสนุนโรงเรียน หรือการทำงานของ อบต. ที่ต้องรอการอนุมัติ เป็นจังหวะเวลาที่จะต้องฟื้นฟูทุกอย่างกลับมาทำให้ได้ ขณะนี้มันคือสุญญากาศ วันนี้มาเยี่ยมโรงเรียนจะเอาของติดมือมาก็ไม่ได้ เพราะยุบสภาไปแล้ว ก็เลือกตั้ง อบต. อยู่ ทุกคนก็บอกว่าขยับอะไรได้น้อยมาก เวลานี้ทุกฝ่ายกำลังให้ความสนใจเรื่องชายแดนเกือบทั้งหมด จึงต้องส่งเสียงดังๆ ว่า อย่าเพิ่งลืมที่นี่ พร้อมกล่าวถึงความน่ารักของชาวสุรินทร์ ซึ่งตนเพิ่งไปเยี่ยมศูนย์อพยพพักพิงชั่วคราวจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามา ที่แม้พวกเขาประสบภัยแต่ก็ยังเป็นห่วงคนหาดใหญ่ที่สูญเสียทรัพย์สิน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยโดยฝากกำลังใจมาให้ชาวหาดใหญ่ด้วย
...
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนได้เสนอ 2 แนวทางเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทันที เพื่อสร้างความร่วมมือและฟื้นฟูหาดใหญ่และหลายจังหวัดในภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยคือ
1. ขอ กกต. อย่าเป็นอุปสรรค หัวหน้าพรรคการเมืองต่างเรียกร้องให้ กกต. เร่งอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อการฟื้นฟูเยียวยา โดยอย่ากังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง อะไรที่รัฐบาลอยากทำเพื่อให้ตรงนี้ มันฟื้นขึ้นมาได้ กกต.ควรออนุมัติ อย่ามากังวลว่าจะมากระทบเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องการเลือกตั้ง
2. รัฐบาลต้องทำ “คนละครึ่ง เฟส 2” แบบจำกัดพื้นที่ ขณะนี้เป็นเวลาที่สมเหตุสมผลที่สุดที่รัฐบาลควรพิจารณาจัดทำโครงการนี้ โดยจำกัดเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในหาดใหญ่และจังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น เพื่อสร้างกำลังซื้อที่รวดเร็วและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
“ผมเตือนว่า ไม่ให้ตีความคำว่า ฝน 300 ปีหรือ ฝน 1,000 ปี ผิดไปจนเกิดความประมาท แต่ต้องรับรู้ว่า นี่ไม่ใช่แค่ปริมาณฝน แต่เกิดจากปัญหาการพัฒนาเมือง ที่มาเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ ที่ทุกภาคส่วนร่วมกันถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยให้ความสำคัญของการมองไปในอนาคต เพราะการฟื้นฟูไม่ได้หมายถึง การทำให้หาดใหญ่กลับไปเหมือนก่อนน้ำท่วมเท่านั้น แต่ต้องใช้โอกาสนี้ในการถอดบทเรียนและพัฒนาระบบเมืองใหม่ให้มีความยืดหยุ่น
ถ้าฟื้นฟูทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้ทำได้เต็มที่ แต่ถ้าปีหน้าเจอสภาพแบบนี้อีก ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำให้คนพร้อมที่จะอยู่ที่นี่ ลงทุนที่นี่ ทั้งนี้ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการด้านวิชาการที่เป็นอิสระ เพื่อถอดบทเรียน ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อตอบโจทย์ว่า ระบบในวันข้างหน้าต้องปรับปรุงอย่างไร ทั้งในเรื่องโครงสร้างการเตือนภัย การสื่อสาร และการบูรณาการฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อให้การป้องกันและบรรเทาภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะการฟื้นตัวของหาดใหญ่จะต้องสอดคล้องกับการวางเป้าหมายที่จะทำให้เมืองมีขีดความสามารถในการระบายน้ำได้ดีขึ้น และมีผลกระทบกับประชาชนที่น้อยลง เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ต่อไป”