“อนุทิน” ลาราชการ ออกรายการแจงปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา รอกองทัพตรวจสอบขีปนาวุธสัญชาติจีน จ่อ ส่งเที่ยวบินรับคนไทยหลายพันคนกลับ มั่นใจไม่ถึงขั้นต้องประกาศกฎอัยการศึก
เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ออกรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ โดยนายอนุทิน กล่าวถึงประเด็นเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชา มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ตนพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงอยู่ตลอดว่าการปกป้องดินแดนและรักษาอธิปไตยของเราต้องมีรูปแบบและมีเป้าหมาย ซึ่งทางฝ่ายกองทัพได้รายงานตนถึงเป้าหมายและกำหนดการต่างๆ เมื่อพิธีกรถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนนายกฯ ลอยตัวไม่ตัดสินใจ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นนายกฯ ลอยตัวไม่ได้ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรสุดท้ายความรับผิดชอบต่อประเทศมันอยู่ที่รัฐบาลอยู่แล้ว มันมีกรอบของมันอยู่ แต่การตัดสินใจไปรบอย่างไร ฝ่ายความมั่นคงให้ดำเนินการอย่างไร เป้าหมายเป็นอย่างไรจะต้องมีการสนับสนุนทั้งงบประมาณ โดยกรอบจะต้องมาจากรัฐบาลและมีการประชุมหารือร่วมกันกับสภาความมั่นคง (สมช.) ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย บอกว่าไทยตอบโต้แรงนั้น ทั้งสองท่านอยู่ต่างประเทศฟังแต่รายงาน แต่ตนลงพื้นที่เห็นกับตา และตนได้บอกกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายอันวาร์ ให้ไปพูดกับกัมพูชา เรื่องหยุดยิง ซึ่งตนได้พูดไปชัดเจน และท่าทีของนายโดนัลด์ ก็ไม่ได้มีอาการกดดันอะไร ตนขอสรุปง่ายๆ เราลงนามกับกัมพูชา เราปฏิบัติครบ 4 ข้อ กัมพูชาปฏิบัติไม่ครบ ใครต้องแก้
ย้อนมีสิทธิ์อะไรใช้ดาวเทียมมาดูปะทะ
...
“ณ ตอนนี้ เรายังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากคู่กรณีของเรา (ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา) และวันนี้ทำไมเราต้องยอม เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เรามีปฏิญญาอยู่ มันชัดเจน คุณต้องไปบอกเขา ถ้ากลับเข้ามาต้องมาในบริบทที่ประเทศไทยรู้สึกปลอดภัยแล้ว เราไม่ได้ต้องการที่จะมีเรื่องมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านใดๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าประเทศไหน เขาเป็นคนผิดสัญญา นอกจากคุณเบี้ยวแล้ว คุณยังทุบผมต่อ เรื่องการเรียกร้องให้นำดาวเทียมมาตรวจสอบว่าใครเป็นคนยิงก่อนนั้น คุณเป็นใคร คุณมีสิทธิ์อะไรเอาดาวเทียมมาจับการปฏิบัติการทางทหารของประเทศผม การเอาดาวเทียมมาจับ ต้องการให้เห็นว่าเราตอบโต้แรง มันมีหรือทะเลาะกัน พอคุณยิงใส่ผม ไม่เป็นอะไร เราไม่ได้เริ่มก่อน ถ้าจะดีกัน ต่างคนต่างถอย มันง่ายกว่า และผมว่ามันคงจะไม่ไปถึงวันเลือกตั้งหรอก ไม่มีใครอยากขัดแย้ง ทุกวันที่มีความขัดแย้ง ความเสียหายเกิดขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
“อนุทิน” บอกถ้าเข้า 151 คอหักกลางสภาฯ
เมื่อเวลา 09.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ออกรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ซึ่งพิธีกรถามนายอนุทิน ถึงการประกาศยุบสภามีหลายฝ่ายมองว่ายุบสภาหนีการตรวจสอบหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การตรวจสอบยังไม่เกิด การยุบสภาเพราะคนที่บอกเป็นฝ่ายค้ำ บอกให้ยุบสภาฯ ดีกว่าไม่ค้ำแล้ว เมื่อพิธีกรถามว่าก่อนที่พรรคประชาชน (ปชน.) จะบอกให้นายกฯ ยุบสภา ทูลเกล้าฯ ร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาไปแล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ยัง ทูลเกล้าฯ คืนนั้น 4 ทุ่ม ตนถือไปเองไม่ได้ทูลเกล้าฯ ตั้งแต่เย็น พิธีกรถามว่าเป็นการหักหลังหรือไม่ เพราะพรรคประชาชนเชื่อว่า นายกฯ โน้มน้าว สว. ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าบอกว่าโน้มน้าวได้ก็จะบอกว่าฮั้ว สว. ตนก็ตน สว. ก็ สว. จะให้ตนไปพูดกับ สว. ไม่ได้ แค่คิดยังคิดไม่ได้เลย และเขาไม่ได้เสียรู้ตน วันที่ 16 ธ.ค. ก็จะทำเรื่องคำถามประชามติเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถ้าตนเบี้ยวตนก็ไม่เอาเข้า ตนทำตามเอ็มโอเอ และรู้สึกว่าไม่มีคนค้ำแล้ว ก็ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนไปเลือกตั้ง รัฐบาลชุดนี้เข้าสู่ญัตติไม่ไว้วางใจได้ แต่ทำไมไม่ใช้มาตรา 152 ถ้าใช้มาตรา 151 ตนก็คอหักกลางสภาฯ แล้วตนต้องไปเสี่ยงหรือไม่ ตอนนั้นไม่มีรัฐบาลแล้ว ประเทศทำอย่างไร ตนบอกเขาแล้วว่า อย่าเล่นเกมนี้ บอกไว้ก่อนแล้ว
บอกเป็นเวลาของรบ.ไม่ใช่พรรค
พิธีกรถามอีกว่า รู้สึกอย่างไรที่อาจจะมีคนพยายามบอกว่า พยายามอาศัยกระแสชาตินิยมมาสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง ก็เลยจะไม่ให้มีการเจรจาและยุติ เพื่อให้สถานการณ์ดำรงต่อเพื่อพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯ แล้ว ตอนนี้ตนก็มีหลัก ทำงานเต็มที่และยึดประโยชน์ขององค์กรของตนวันนี้ คือรัฐบาล ตนไม่ได้คิดเรื่องกระแสเรื่องนี้ ตนอยากให้มีเลือกตั้ง ตั้งแต่ออกจากรัฐบาล แต่ห่วงบ้านเมือง ห่วงเรื่องกัมพูชา ถ้าเข้าไปแล้ว ถูกไม่ไว้วางใจ มันจะไม่มีรัฐบาล ต้องหลุดเลย รัฐมนตรีทั้งหมดต้องหลุดหมดแล้ว ก็ไปนั่งหานายกฯ ใหม่ กว่าจะทูลเกล้าฯ กว่าจะตั้ง ครม. อีกเดือนหนึ่ง ตรงนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าว
ยันไม่เคยขึ้นเครื่องบิน-เรือยอชต์ “เบน สมิธ”
เมื่อพิธีกรสอบถามกรณีมีการเผยแพร่ภาพคู่กับนายเบน สมิธ นายอนุทิน กล่าวว่า ยอมรับว่ารู้จักแต่ไม่สนิท ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าได้ให้นายเบน สมิธ ยืมเครื่องบินส่วนตัวนั้น ยืนยันว่าตนไม่เคยให้นายเบน สมิธ ยืม เพราะเขาก็มีของเขาเป็นยี่ห้อเดียวกัน แต่คนละรุ่นกับตน เช่นเดียวกับเรือยอชต์ก็ไม่เคยไปขึ้นของเรา เพราะตนก็มีของตนจอดที่พัทยา ของนายเบน สมิธ เขาจอดที่ภูเก็ต
นายกฯจ่อเรียกคุยสมช.ปมยึดขีปนาวุธจีน
เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แจ้งลาราชการในช่วงเช้า เนื่องจากเดินทางมาที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 เพื่อเข้ารายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” เพื่ออัปเดตถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา การแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ รวมไปถึงประเด็นทางการเมือง หลังจากประกาศยุบสภา จากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า วันเดียวกันนี้ ตนได้เชิญนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบหารือ เนื่องจากยังมีวาระที่ต้องหารือในหลายเรื่อง ทั้งกรณีการเสนอการสกัดกั้นการส่งยุทธปัจจัยทางทะเล เรื่องการตรวจยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5 รุ่น GAM - 102 LR สัญชาติจีน ที่บริเวณเนิน 500 วานนี้ รวมถึงสายลับและทหารรับจ้างของฝ่ายกัมพูชา ที่แทรกซึมเข้ามาในไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็ให้ติดตาม และเฝ้าระวังพื้นที่อยู่แล้ว
พร้อมช่วยคนไทยทุกทาง
เมื่อถามว่าการช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศโดยเครื่องบิน นายกฯ กล่าวว่า เราพร้อมดำเนินการทุกการช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศ แต่เรื่องของการทำงานทำตามปกติ ไม่ต้องมาขออนุมัติกับนายกฯ ให้ความสะดวกและความปลอดภัยกับคนไทย ทุกหน่วยงานสามารถทำได้เลย เมื่อถามว่าจะมีการเช่าเหมาเครื่องบินพาณิชย์ไปรับคนไทยในกัมพูชา นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าอะไรที่ทำให้คนไทยได้รับความสะดวก พร้อมทำหมด โดยขณะนี้ ได้รับรายงานว่า มีคนไทยติดค้างอยู่หลายพันคน ก็จะดำเนินการเต็มที่ เมื่อถามว่าขณะนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะขยายพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่คิดว่าคงไปถึงจุดนั้น