“วราวุธ” พร้อม 5 อดีต สส.สุพรรณบุรี ไหว้อนุสาวรีย์บรรหาร ก่อนไปสมัคร 15 ธ.ค. นี้ “ท็อป” ขออภัย ลั่น ไม่ได้ทิ้งคนสุพรรณฯ ไปไหน ไปอยู่ ภท. จะช่วยชาวบ้านได้มากขึ้น “ประภัตร” ขอขมา ลาไปชั่วคราว


วันที่ 14 ธ.ค. 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมด้วย อดีต สส.สุพรรณบุรี ทุกเขตของพรรค ชทพ. ได้แก่ นายสรชัด สุจิตต์ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายนพดล มาตรศรี นายเสมอกัน เที่ยงธรรม และนายประภัตร โพธสุธน รวมทั้งอดีตแกนนำพรรค ชทพ. ได้แก่ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมใจกันนำพวงดอกไม้มาไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 เอาฤกษ์เอาชัยในการลงสนามเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงนี้ หลังจากที่ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว และจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยพร้อมกันในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคมนี้ เวลา 12.00 น. ในโอกาสนี้ นายอุดม โปร่งฟ้า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี นายอรรถพล สุวรรณศร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ที่ทำงานร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนามายาวนาน ก็ได้มาร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย

...


นายประภัตร ได้นำ อดีต สส. กล่าวกับรูปปั้นนายบรรหารว่า ตนผู้แทนสุพรรณบุรี คู่บุญบารมีกับนายบรรหารมาโดยตลอด 50 ปี วันนี้พวกเราสมาชิกพรรค ชทพ. ทุกคน ด้วยความเคารพ และด้วยความรักและจิตใจอยู่กับนายบรรหารมาตลอด วันนี้พวกตนซึ่งเป็นลูกหลานมาขอขมา สิ่งใดที่ตนทำไม่ถูกบ้าง ล่วงเกินนายบรรหารบ้าง ขอให้ท่านอโหสิกรรมให้ลูกหลานด้วย วันนี้พวกตนมาขอกล่าวเพื่อหยุดพรรค ชทพ. ชั่วคราว เพื่อไปทำหน้าที่ผู้แทนรัฐบาลให้ได้ เพื่อมาช่วยเหลือพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ดังนั้น การที่ลูกหลานต้องขอหยุดพรรค ชทพ. เพื่อไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ด้วยความตั้งใจจะมาช่วยพี่น้องสุพรรณบุรี เราพูดมาโดยตลอดว่าเมื่อเป็นผู้แทนแล้วก็ต้องขอให้อยู่ในพรรครัฐบาล ลูกหลานจึงพร้อมใจมาขอหยุดพรรคและขอลาไปชั่วคราวแล้วจะกลับมาพัฒนาเมืองสุพรรณบุรีตามเจตนารมณ์ของนายบรรหารและกลับมาพัฒนาพรรค ชทพ. ของเราทุกคนให้เจริญก้าวหน้าสืบต่อไป


ด้านนายวราวุธ ให้สัมภาษณ์ว่า การทำงานของพวกเราในฐานะที่เป็นพรรคเล็กนับวันจะเรียกคะแนนนิยมในการเลือกตั้งแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความลำบาก ตลอดระยะ 9 ปีกว่าที่ผ่านมา และการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ด้วยจำนวน สส. 10 คน เราทำงานได้อย่างจำกัดมาก พื้นที่ในการทำงาน จำนวนรัฐมนตรีที่อยู่ในการดูแลของเราทำให้มีข้อจำกัดอย่างยิ่งในการทำงาน ดังนั้น วันนี้พวกเราทุกคนจึงตัดสินใจที่จะแสวงหา เดินทางไปฝึกฝีมือในยุทธจักร ไปสร้างความเข้มแข็งเพื่อที่จะสามารถทำงานให้คนสุพรรณบุรีและคนไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง สมัยนายบรรหารมีอายุ 18 ปี ยังต้องจาก จ.สุพรรณบุรี ไปเพื่อที่จะฝ่าฝันไปเติบใหญ่ใน กทม. ในวันนั้นหากนายบรรหารไม่จากสุพรรณบุรีไป วันนี้เราก็คงไม่มีนายกฯ ที่ชื่อบรรหาร ศิลปอาชา นี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ กำลังสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพในการทำงานให้ประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น บ้านของพวกเราคือ จ.สุพรรณบุรี ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด บ้านของเราคือ จ.สุพรรณบุรี และนี่คือปณิธานที่พวกเราได้ตั้งหวังไว้ในการที่จะเดินรอยตาม รอยเท้าของนายบรรหาร ที่จะกลับมาพัฒนาเมืองสุพรรณบุรีของพวกเรา


นายวราวุธ กล่าวว่า การมาขอวันนี้เพื่อมาขออนุญาตในการที่จะเดินทางบนอีกเส้นหนึ่ง แต่เป็นการสานต่อความฝันของนายบรรหารที่อยากจะเห็นสุพรรณบุรีรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคี และทำให้คุณภาพชีวิตคนสุพรรณบุรีดีขึ้น และที่สำคัญเราสามารถทำงานให้กับคนไทยทั้ง 64 ล้านคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


“ขออภัยจริงๆ ที่วันนี้เราได้ออกเดินทางบนถนนอีกเส้นหนึ่ง ภายใต้การนำของพรรค ภท. เพราะหัวใจสำคัญของพวกเราคือ การเดินไปข้างหน้าของ จ.สุพรรณบุรี พัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาตั้งแต่นายบรรหารจากไป เราได้ สส.มา 10 คน แต่มีข้อจำกัดในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราอยากทำงานให้พี่น้องชาวสุพรรณบุรีและคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานร่วมกับพรรค ภท.จากนี้ไปจะทำให้ศักยภาพการดูแลพี่น้องชาวสุพรรณบุรีได้มากขึ้น ไม่ได้ทิ้งคนสุพรรณบุรีไปไหน” นายวราวุธ กล่าว