“สุทิน” ห่วงสถานการณ์ชายแดน ชี้ ไทยถอยไม่ได้ ต้องเดินหน้าปกป้องอธิปไตย ทำให้ข้าศึกเข็ดหลาบ จี้ “นายกฯ อนุทิน” เร่งเจรจาช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชา หวั่นกลายเป็นตัวประกัน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2568 นายสุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดสำนักงานกฎหมายคลังแสง ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 67/26 หมู่ 8 ตลาดอู้ฟู่ ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งนายกำพลศักดิ์ คลังแสง ประธานบริษัทสำนักงานกฎหมายคลังแสง ได้จัดตั้งขึ้น โดยมีคณะทำงานด้านกฎหมาย รวมทั้งนักการเมืองทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่นร่วมแสดงความยินดี
จากนั้น นายสุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในฐานะที่อดีตเคยเป็น รมว.กลาโหม ได้ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และกำลังทหารทุกหน่วยในช่วงที่ผ่านมา มีความเป็นห่วงในเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไม่น่าเกิดขึ้น และไม่ควรเกิดขึ้นในทุกประเทศ เพราะการแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งของมนุษย์นั้นมีหลายวิธีที่ควรทำ ดีกว่ามาใช้กำลัง เสียดายที่ผ่านมาเราทำไม่สมบูรณ์ในบางขั้นตอน จนทำให้เกิดการเลยเถิดมาจนถึงทุกวันนี้
“เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วประเทศไทยเราก็ถอยไม่ได้ ไทยก็ต้องเดินหน้าเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย และต้องทำให้ศัตรูหรือข้าศึกนั้นต้องเข็ดหลาบ แต่การสู้รบสมัยใหม่นั้นสู้ด้วยกำลัง สู้ด้วยทางการทูต สู้ด้วยจิตวิทยาสังคมที่ต้องช่วงชิงกัน กองทัพและรัฐบาลจะต้องคำนึงประเด็นดังกล่าวให้ดี เราอาจจะต้องชนะทุกคนและทุกเรื่องไปพร้อมกัน โดยส่วนตัวก็ต้องให้กำลังใจทหาร ให้กำลังใจรัฐบาล การจบด้วยสันติวิธีโดยที่ไทยเรานั้นจะต้องไม่เสียเปรียบ”
...
นายสุทิน ยังเผยอีกว่า ไทยเราเจรจาไม่รอบคอบในหลายประเด็น เราเปิดช่องโหว่ให้มีการเล็ดลอด มีการละเมิดข้อตกลง ดังนั้นเมื่อมีการเล็ดลอดเกิดขึ้นก็เกิดข้อพิพาททันที ทำให้การเจรจาต่างๆ ไม่สำเร็จ การเจรจาระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศ จะต้องคุยกันให้ลึกและปิดรอยรั่ว เพราะหากไม่ทำจริงจังก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้กลับคืนมาอีก
“รัฐบาลรักษาการของคุณอนุทิน (ชาญวีรกูล) ทำได้เกือบทุกเรื่องตามกรอบกฎหมายที่กำหนด แต่เรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศและสงครามที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลรักษาการก็ต้องยึดถึงความมั่นคงเป็นหลัก อย่าคิดให้เป็นประเด็นหรือประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งจังหวะแบบนี้ถ้าคนคิดไม่ดีก็จะเอาเป็นประโยชน์ทางการเมืองได้ จึงต้องช่วยกันเตือนสติรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วย”
ในช่วงท้าย นายสุทิน ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้ารัฐบาลมีการประเมินแล้วว่าจะมีสถานการณ์สู้รบเกิดขึ้น จะต้องรีบจัดการในเรื่องเหล่านี้ก่อน รัฐบาลและทหารจะรู้กันก่อนว่าหากเกิดการสู้รบก็ต้องอพยพประชาชนของตนเองออกมาก่อน แต่มาวันนี้กัมพูชาไม่ให้คนไทยเกือบ 7,000 คนออกมาจากประเทศ แบบนี้ไทยเสียหายและเสียเปรียบในดุลทางทหารด้วย เพราะหากกลายเป็นการจับพลเรือนไทยเป็นตัวประกัน เราเสียเปรียบชัดเจน.